วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โรคยอดฮิตของคนติดจอ (Screen)

สวัสดีค่ะ ^/\^ เดี่๋ยวนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากขึ้นๆ จนบางครั้งดูเหมือนผู้ใช้ถูกครอบงำเสมือนเป็นผู้ถูกให้ใช้ การใช้เทคโลยีทุกอย่างหากเกินพอดีย่อมส่งผลเสียตามมาอย่างแน่นอน Hobby Geek หวังว่า บทความที่นำมาเผยแผ่นี้จะทำให้ผู้อ่านได้ตระหนักบ้างคะ

     เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนเราก็จะเห็นคนติดจอกันเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เด็กติดจอแท็บเล็ตก้มหน้าก้มตาเล่นเกมอยู่กับจอ ผู้ใหญ่ก็ติดจอสมาร์ทโฟนทั้งหลายคอยแชท แซร์ ไลน์กันตลอดเวลา ทำงานก็นั่งอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน พฤติกรรมของคนติดจอจะนั่งอยู่ในท่าเดิมๆ ก้มศีรษะเป็นเวลานานๆ ใช้สายตาและนิ้วมาก พฤติกรรมของคนที่ติดจอเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก

     โรคเกี่ยวกับตา ปวดตา ปวดกระบอกตา สายตาสั้น จากการจ้องมองหน้าจอเป็นเวลาต่อเนื่องกันนานๆ เพราะแสงสีของภาพที่ฉูดฉาด การเคลื่อนที่เร็ว ส่งผลให้จอประสาทตาล้า กล้ามเนื้อรอบตาต้องเกร็งตัว ตาแห้งเนื่องจากต้องจ้องมองภาพจอสีต่อเนื่อง การมีพฤติกรรมแบบนี้ตลอดเวลาจะส่งผลให้จอประสาทตาเสื่อมเร็ว เมื่อเสื่อมก็จะเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็น

     อาการหรือโรคปวดศีรษะ ปวดคอ-บ่า-ไหล่ เรามองเห็นได้ชัดเจนว่าในขณะที่เราเมามัน เล่นเกมต่างๆ หรือจ้องมองที่หน้าจอนานๆ นั้น ท่าทางร่างกายของเราก็จะค่อยๆ ค้อมตัวลงๆ คอ-คางจะยื่นออกไปเรื่อยๆ ตัวงองุ้ม และอยู่ในท่าเหล่านี้นาน ผลเสียก็คือกว่าจะนึกได้ว่าตัวงองุ้มอยู่เช่นนี้ก็ต้องล้าไปทั้งคอ-บ่าแล้ว ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเพราะถ้าเลือดไหลเวียนผ่านกล้ามเนื้อบ่า กล้ามเนื้อต้นคอที่เกิดการเกร็งจากท่าทางที่ผิดปกติเช่นนี้จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เมื่อเป็นเรื้อรังอาจทำให้เป็นต้นเหตุของอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ด้วย และจากท่าทางเหล่านี้ก็ยังส่งผลให้กระดูกหรือหมอนรองกระดูกเสื่อมก่อนวัยอันควร โรคเหล่านี้เริ่มพบในวัยรุ่นมากขึ้นทั้งนี้ก็เหตุจากการติดจอนั่นเอง

     โรคระบบทางเดินหายใจ เคยสังเกตตัวเองไหมคะว่าหลังจากก้มหน้าก้มตาจนติดจอ เมื่อยืดตัวขึ้นมาเราก็จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนถึงจะเริ่มเล่นหรือเริ่มทำสิ่งอื่นต่อ นั่นก็เพราะว่าเวลาที่เรานั่งหลังงุ้มนานๆ จะทำให้การหายใจไม่สุดปอดทำให้หายใจได้สั้น เมื่อยืดลำตัวขึ้นจึงเป็นกลไกของร่างกายที่ต้องขับเอาอากาศเสียออกด้วยการถอนหายใจลึกๆ ปอดที่ถูกรบกวนการทำงานจะพบมากในวัยเด็กและวัยรุ่น คือ เด็กหายใจสั้นและติดขัด ส่งผลต่อการขับของเสียหรือเชื้อโรคในทางเดินหายใจที่ถูกจำกัดลง เด็กจะเป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อย เป็นหอบหืด

     โรคอ้วนและโรคกระเพาะอาหาร การนั่งอยู่กับที่ต่อเนื่องนานๆ ร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมาก ไม่เกิดการเผาผลาญอาหารก็จะเข้าไปพอกพูนเป็นไขมันสะสม โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ก้น ต้นขา ซึ่งเป็นที่สะสมของเซลลูไลท์เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้อ้วนแล้วยังส่งผลต่อเรื่องสุขภาพตามมามากมาย ลำไส้อ่อนแรง ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวของลำไส้ อาหารย่อยยาก ท้องอืด และยิ่งเล่นเพลินจนลืมทานอาหารก็ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้เช่นเดียวกัน

     โรคนิ้วล็อก เส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ปวดข้อมือ ชานิ้ว หลายท่านอาจเริ่มจากเมื่อย หรือรู้สึกว่ากำมือไม่ค่อยลง มือและนิ้วแข็งๆ กำแล้วเหยียดนิ้วไม่ขึ้น ยิ่งตอนตื่นนอนมารู้สึกมือแข็งเป็นพิเศษเหล่านี้แล้วให้เริ่มสงสัยได้เลยว่าเป็นโรคฮิตของคนที่ติดหน้าจอนี่เอง

เป็นอย่างไรบ้างคะเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ก็ส่งผลร้ายต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน เราต้องรู้จักเลือกใช้เลือกเล่นให้พอประมาณ และที่สำคัญต้องเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ไม่ว่าจะเล่น หรือทำงาน เปลี่ยนมาลุกขึ้นเดินบ่อยๆ ยืดเส้นยืดสาย หมุนหัวไหล่บ้างใช้เวลาไม่ถึงสองนาที เพียงเท่านี้ก็ทำให้รักษาร่างกายเราไว้ได้โดยไม่เป็นโรคภัยแล้วจะได้มีร่างกายใช้เล่นไปนานๆ นะคะ

เทคโนโลยีใช้ให้พอดีก่อให้เกิดประโยชน์ แบ่งเวลามาขยับร่างกายตามที่แนะนำข้างต้นบ้างนะคะ สวัสดีค่ะ ^/\^

ขอขอบคุณ
  • เพ็ญพิชชากร แสนคำ. (2556, 6 ตุลาคม). โทรโข่งสุขภาพ: โรคยอดฮิตของคนติดจอ. กายใจ กรุงเทพธุรกิจ, หน้า 7

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีป้องกันสมองเสื่อม (Anti Alzhimer)

สวัสดีคะ ^/\^ โพสต์นี้เป็นการคัดย่อมา หากท่านต้องการอ่านฉบับเต็มคลิกที่นี่ได้เลยคะ

     ความแก่เป็นความทุกข์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ แต่ละคนต่างก็มีความกลัวความแก่ในแต่ละรูปแบบกันไป แต่ที่ทุกคนกลัวเหมือนกันคือสมองแก่ สมองเสื่อม เนื่องจากสมองเป็นที่อยู่ของจิตใจ ซึ่งสามารถทำให้เกิดความรู้สึก สุขทุกข์ได้มาก เมื่อมีอาการสมองแก่ เช่นขี้หลงขี้ลืม ทำเงินหาย ทำบัตรเอทีเอ็มหายบ่อยๆ ทำให้เกิดความทุกข์ใจมาก หลายคนจึงต้องดิ้นรนเสาะแสวงหาทางป้องกันความแก่ทุกวิถีทาง

     มีการศึกษาวิจัยเรื่องคาเฟอีนในกาแฟสามารถช่วยเพิ่มการทำงานของสมองหรือเพิ่มไอคิวของคนกินได้ การดื่มกาแฟช่วยกระตุ้นสมองให้แจ่มใสทำงานดีขึ้น จากการทดลองผลปรากฎว่าคนที่กินคาเฟอีนมีความจำระยะสั้นดี แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไปซึ่งจะมีผลข้างเคียงที่ไม่ดีเกิดขึ้นได้

     อาหารสมองเป็นสิ่งที่มีการพูดถึงกันมานาน มีการเอาสารเสริมอาหารมาขายกันมาก บางอย่างเขาก็อ้างว่าทำให้สมองดีขึ้น ความจำดีขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจน ระยะหลังนี้มีข้อมูลจากการวิจัยมากขึ้น หมอแอนดรู วีล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์ทางเลือก เขียนแนะนำเรื่องอาหารสมองไว้หลายอย่าง เช่น เนื้อปลา น้ำมันปลา ขมิ้น ผักผลไม้ วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม คาโรตีนอยด์

     กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acid) ที่อยู่ในน้ำมันปลามีคุณสมบัติบำรุงสมองได้ ทั้งนี้เพราะสารตัวนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์สมอง ถ้าขาดไปจะทำให้เซลล์สมองอ่อนแอ เป็นโรคได้ง่าย อาหารของชนชาติญี่ปุ่นและเมดิเตอเรเนียน ทำให้คนของเขาอายุยืนล้วนมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มาก เนื่องจากมีเนื้อปลาอยู่มาก ผู้รู้จึงแนะนำให้กินเนื้อปลาบำรุงสมองมากกว่าเนื้อสัตว์อย่างอื่น คนที่ไม่ถนัดกินเนื้อปลาก็อาจจะใช้น้ำมันปลาที่ทำขายเป็นเม็ด (แต่ไม่ใช่น้ำมันตับปลาที่เหม็นคาว อย่างที่เด็กสมัยผมเคยถูกบังคับให้กิน) เช่น Krill Oil ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสสระและไม่เหม็นคาว เขาใช้สารตัวนี้รักษาโรคซึมเศร้า สมาธิสั้น ออทิซึม สำหรับนักมังสวิรัติ อาจจะหากรดไขมันโอเมก้า 3 กินในถั่ววอลนัท เม็ดแฟล็กซ์ ปอ หรือ สาหร่ายทะเล

     ขมิ้นที่เราเอามาทำเครื่องแกงมีสาร Curcumin ต้านการอักเสบ ช่วยลดการเสื่อมของสมองจากโรคอัลโซเมอร์ได้ มีผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตไว้ว่าคนอินเดียมีอัตราการเกิดโรคอัลโซเมอร์ต่ำที่สุดในโลก อาจเป็นเพราะคนอินเดียมีการใช้ขมิ้นทำเครื่องแกงกินกันมากนั่นเอง

     หมอวีลแนะนำว่าควรกินผักผลไม้ให้มากเข้าไว้ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านสารพิษ ที่ทำให้เกิดมะเร็งและทำลายสมอง วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม และคาโรทีนอยด์ ถ้ากินเสริมอาหารเข้าไปอาจช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองได้ แต่ในบรรดาสิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด หมอแอนดรู วีล กล่าวว่าไม่มีอะไรที่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์สนับสนุนแข็งขันเท่ากับเนื้อปลาและน้ำมันปลา

     โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์นี้ มีคนรู้จักกันมาก ใครๆ ก็กลัวโรคนี้จนมีคำถามว่าโรคนี้ป้องกันได้หรือไม่ คำตอบคือป้องกันได้บางส่วน คือชะลอมันลงไปได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันหรือชะลอโรคอัลไซเมอร์นี้คือ การรักษาสุขภาพของระบบหลอดเลือด และหัวใจให้อยู่ในสภาพดี โดยการออกกำลังกาย เช่น วิ่งเหยาะ เดินเร็ว เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ เต้นรำ หรือที่ดีที่สุดคือ ทำหลายกิจกรรมอย่างว่า แบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป จะช่วยรักษาสมองของเราได้ดีกว่าอย่างอื่น (และทำให้บาดเจ็บจากการออกกำลังกายน้อยลง) นอกจากนี้ควรเลิกสูบบุหรี่ กินอาหารไขมันต่ำ ถ้าเป็นโรคเบาหวาน ต้องใส่ใจควบคุมรักษาให้น้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับดี กินผักผลไม้ให้เพียงพอ กินปลา และน้ำมันปลา (ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น) ทุกอย่างที่ว่ามานี้ร่วมช่วยกันรักษาให้หลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมทั้งของสมองด้วยไม่ให้ตีบตัน สามารถนำออกซิเจนไปต้านความเสื่อมได้ดี

     เมื่อไม่นานมานี้พบว่าการออกกำลังกายนอกจากจะมีผลดีต่อหลอดเลือด หัวใจ และสมองแล้ว ยังกระตุ้นให้มีการผลิตสารเร่งการเสริมสร้าง (Growth Factor) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เซลล์ประสาทมีสุขภาพดีด้วย

     การฝึกสมองทดลองปัญญาเป็นประจำก็สามารถช่วยรักษาคุณภาพของสมองเอาไว้ได้ดี เช่น การเรียนภาษาใหม่ๆ ฝึกทดสอบความจำ ทำข้อสอบไอคิว ฯลฯ จากการศึกษาหลายชิ้นพบว่าการใช้สมองอ่านหนังสือ แก้ปริศนาอักษรไขว้ เล่นหมากรุก เล่นดนตรี สามารถลดการเกิดสมองเสื่อมได้ดีกว่าการอยู่เฉยๆ และพบว่ายิ่งทำมากยิ่งมีผลดีมาก เช่น คนแก้ปริศนาอักษรไขว้อาทิตย์ละ 4 ครั้ง สมองเสื่อมน้อยกว่าคนแก้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ถึง 47%

     จากข้อมูลของผู้รู้เท่าที่กล่าวมานี้ ก็สามารถช่วยให้เรารักษาประคับประคองสมองอันเป็นที่รักของเรา ให้อยู่ยั้งยืนยงไปได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งสำคัญคือต้องลงมือทำตั้งแต่บัดนี้เลย ไม่ว่าท่านจะยังหนุ่มยังสาวซิงๆ แค่ไหนก็ตาม

อ่านจบแล้วอย่าผ่านเลยไป ขอให้ปฏิบัติเท่าที่สามารถทำได้ให้มากที่สุดเพื่อสุขภาพสมองของท่านสดชื่น แข็งแรง ห่างไกลจากสมองเสื่อม สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ:
  • นิตยสาร HealthToday

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความรุนแรงในครอบครัว เรื่องใหญ่ที่สังคมไทยยังมองข้าม (Family)

สวัสดีคะ ^/\^ บทความที่นำมาโพสต์นี้เป็นการคัดย่อมา หากท่านใดต้องการอ่านฉบับเต็มคลิกที่นี่ได้เลยคะ

     เมื่อไม่นานมานี้ งานวิจัยเรื่อง “สุขภาวะครอบครัวไทย ปี 2555” โดย ผศ.ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ นักวิชาการจากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าสถิติการใช้กำลังทำร้ายกันในครอบครัวในปี 2555 เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ค่อนข้างมาก และเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศไทย

     ภาคกลาง (ไม่นับ กทม.) ครองแชมป์ความรุนแรงในครอบครัวมากที่สุดของปี 2555 ตามมาด้วยภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพมหานคร

     สอดคล้องกับข้อมูลของ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พบว่ามีข่าวการใช้ความรุนแรงในครอบครัวถึง 333 ข่าว ในจำนวนนี้ ร้อยละ 59.16 เป็นความรุนแรงในระดับเข่นฆ่าเอาชีวิตกัน และในจำนวนนี้หากแบ่งแยกย่อย พบว่าเป็นความสัมพันธ์แบบสามีภรรยามากที่สุด รองลงมาคือความสัมพันธ์แบบแฟน ทั้งนี้ จังหวัดที่มีข่าวบ่อยที่สุดคือ กทม. รองลงมาคือ สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี และชลบุรี ตามลำดับ

     ฝ่ายหญิงถูกทำร้ายร่างกายจนเลือดตกยางออก และเป็นการถูกทำร้ายแบบซ้ำซาก จนคนรอบข้างทนไม่ไหวไปแจ้งความร้องทุกข์ แต่พอเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะมาระงับเหตุและเตรียมดำเนินคดีกับผู้ลงไม้ ลงมือ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายชาย กลับเป็นฝ่ายหญิงที่ไม่ยอม และต่อว่าต่อขานจนเจ้าหน้าที่หรือพลเมืองดีไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วย

     ในมุมนี้ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา อธิบายว่า ส่วนหนึ่งของผู้หญิงที่ยอมถูกกระทำซ้ำซากจากแฟนหรือสามีของเธอ โดยลึกๆ แล้วรู้สึกกลัวจะขาดความมั่นคงในชีวิต จึงยอมทนอยู่ทั้งที่รู้ว่าเจ็บปวด กับอีกส่วนหนึ่งอยู่ด้วยหน้าตา-ฐานะทางสังคม หรือทนอยู่เพื่อลูก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ตัดสินใจหย่าร้าง ก็มีอยู่พอสมควรเช่นกัน

     “ตอนนี้เมืองไทยพอๆ กับเมืองนอกแล้ว แต่ของเราจะหนักกว่า อย่างการหย่าร้างคือเลิกเลยไม่เอาแล้ว ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ อยู่ได้ด้วยหน้ากากสังคม คือไม่ได้รักกันแล้ว เกลียดกันแล้ว คือไม่มองหน้ากัน แต่อยู่เพื่อลูกหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่อยู่ด้วยหน้ากากทางสังคม ที่น่ากลัวก็คือ ผู้หญิงไทยทนอยู่ด้วยความแค้น ร่วมๆ 20 เปอร์เซ็นต์ คือคุณแก่เมื่อไร อ่อนแอเมื่อไรฉันจะแก้แค้นกลับ ถ้าได้โอกาสเมื่อไรก็จะแก้แค้นกลับ ดังนั้นถ้ามันเป็นแบบนี้ หย่าร้างกันเลยดีกว่า คือเรื่องสามีภรรยา ผมให้ 2 ล. คือถ้าไม่ลืมก็ต้องเลิก แต่ทีนี้มันลืมไม่ได้ก็ประชดประชัน ต่อว่ากัน ก็เป็นความรุนแรงในครอบครัว คือลืมไม่ได้ก็ต้องเลิกสิครับ เพราะยิ่งคิดยิ่งแค้น ยิ่งอยู่นานยิ่งแค้น ก็จะจบด้วยการทำร้ายกัน” ดร.วัลลภ กล่าว

     อีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือสภาวะ “เสพติด” (Addict) ในสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสพติดสุรา-ยาเสพติด การพนัน หรือกามารมณ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเพศชายค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อยู่เสมอ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งหรืออาจจะหลายอย่างพร้อมกัน โดย ดร.วัลลภ เล่าว่าผู้หญิงที่มาขอคำปรึกษา มักจะมาด้วยสาเหตุที่สามีไปมีผู้หญิงอื่น

     "การเสพติดที่ทำลายครอบครัวมากที่สุด คือเสพติดการพนัน รองลงมาคือเสพสารเสพติด อย่างการพนัน โบราณเขาบอกว่าถูกขโมยกี่ครั้งก็ไม่เท่าไฟไหม้ แต่ไฟไหม้กี่ครั้งก็ไม่เท่าผีสิงการพนัน ดังนั้นการเสพติดหรือที่เรียกว่า Addict ไม่ว่าจะเป็นการพนันหรือยาเสพติด มันเป็นบ่อเกิดของความรุนแรงในครอบครัวทั้งหมด

     หรืออย่างคนติดเหล้าหรือสารเสพติด เขาก็บอกมันไม่หนักหัวใคร เรื่องของเขาชีวิตของเขา คือพวกนี้มันเมา มันไม่รู้เรื่อง มันฆ่าใครก็ได้หมด พูดจาไม่รู้เรื่อง อย่างติดเหล้านี่พอเหล้าเข้าไปพูดจาไม่รู้เรื่อง ก็ยิงกันฆ่ากันตายได้หมด” ผู้เชี่ยวชาญด้านด้านจิตวิทยา กล่าวทิ้งท้าย ซึ่งก็สอดคล้องกับการศึกษาของ ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ที่พบว่าครอบครัวที่มีปัญหาความรุนแรง ร้อยละ 83.6 มีการดื่มสุราร่วมด้วย

     ความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาเล็กๆ ที่สังคมไทยมักจะมองข้ามเสมอ ซึ่งก็มีสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมชายเป็นใหญ่ที่มองว่าการนอกใจหรือทำร้ายร่างกายภรรยา เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ การมีปัจจัยอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง เช่น เสพติดสุราหรือสารเสพติด หรือเสพติดการพนัน

     หรือแม้กระทั่งทิฐิมานะของฝ่ายหญิงเอง ที่ไม่ยอมเลิกราหย่าร้าง เพราะจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเองแพ้และเสียหน้า และเมื่อทนอยู่ไปนานๆ มีการพูดจาประชดประชันกันไปมาหนักขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดฝ่ายชายอาจโมโหถึงขั้นลงไม้ลงมือกับฝ่ายหญิงถึงแก่ชีวิต ในทางกลับกัน ฝ่ายหญิงบางรายที่ถูกฝ่ายชายทำร้ายบ่อยครั้ง เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง อาจเป็นฝ่ายลงมือฆ่าฝ่ายชายเสียเอง ด้วยความโกรธแค้นที่สะสมมานานก็เป็นได้

     ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย เพราะปัจจุบันเรามี พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ออกมารองรับ แต่สิ่งสำคัญ คือจะทำอย่างไร ให้การลงไม้ลงมือในครอบครัวเป็นสิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ และจะทำอย่างไร ให้ผู้ถูกกระทำ ที่ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เลือกที่จะเดินออกมาจากความรุนแรง แทนที่จะทนอยู่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม เพื่อตัดวงจรความรุนแรงเสียตั้งแต่ต้น

     เพราะไม่ว่าชายหรือหญิง เข้มแข็งหรืออ่อนแอ เมื่อถูกกระทำมากๆ เข้า อาจตัดสินใจตอบโต้เอาคืน จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมได้ และผู้ที่ต้องทุกข์ใจที่สุด คือคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูกของพวกเขาเอง

Hobby Geek ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ "ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว" สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ
  • http://www.thaihealth.or.th/partner/partner_stor/37618

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การชะลอวัย (Aging)

สวัสดีคะ ^/\^ คำว่า "แก่" ใครก็ไม่อยากเป็นและไม่อยากได้ยิน ให้ดีถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงไปไกลๆ แต่สัจธรรมแห่งชีวิตหลีกหนีไม่พ้น เมื่อหนีไม่พ้นเราก็ควรที่จะใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

     ความชรานั้นมิใช่โรคภัยไข้เจ็บ แต่ทว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ท่านไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่ทว่าท่านสามารถชะลอความชราได้อย่างเหมาะสม 

     โครงการยืดอายุการดำรงชีวิตของมนุษย์สามารถเป็นไปได้ และทำให้มนุษยชาติมีอายุยืนยาวได้ถึง 120 ปี เพื่อบรรลุผลสำเร็จเบื้องต้นนั้น ทุกๆท่านจะต้องดำรงชีวิตอย่างสมดุล 

     รวมทั้งการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ สภาพแวดล้อม รวมทั้งโภชนาการที่ถูกหลัก หากท่านรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม โภชนาการที่ถูกหลักจะสามารถทำให้ท่านชะลอวัยได้

     5 สาเหตุหลักของความชรา
  • อนุมูลอิสระ 
  • ไกลเคชั่น 
  • เมทิลเลชั่น 
  • ภาวะอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน 
  • กระบวนการเสื่อมถอยของเนื้อเยื่อ ดีเอ็นเอ

     หากท่านสามารถป้องกันและเตรียมพร้อมได้อย่างน้อย 4 ประการ ท่านจะชะลอความชราได้ รวมทั้งสามรถลดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือการเสื่อมของเนื้อเยื่อและฮอร์โมนได้

เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้อายุเป็นเพียงตัวเลขได้ ย่อมดีกว่าต้องมาบ่นในภายหลังว่าเจ็บนู่น ปวดนี้ โรครุมเร้า จริงไหมคะ สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ


วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เพราะเหตุใด DHA จึงสำคัญกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์?

สวัสดีคะ ^/\^ บทความ "เพราะเหตุใด DHA จึงสำคัญกับคุณแม่ตั้งครรภ์?" เป็นบทความคัดย่อมาจากเว็บไซต์ http:/www.xtend-life.co.thm หากต้องการอ่านแบบเต็มๆ คลิกที่ลิงค์หรือรูปภาพได้เลยคะ


     โจแอนนา  แมคคิน ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการทางการแพทย์กล่าวว่า “มีกว่า 50 หลักฐานที่แสดงถึงประโยชน์ของ DHA และผลการศึกษาอีกมากมายที่บ่งชี้ว่า เด็กที่เกิดจากมารดาที่มีระดับ DHA จะมีพัฒนาการทางสมอง ตลอดจนกระบวนการนึกคิด การมองเห็น และการเจริญเติบโตที่ดีในช่วงวัยการเจริญเติบโต และอีกทั้งยังส่งผลถึงสุขภาพของมารดาหลังคลอดอีกด้วย

     หากมารดาที่ตั้งครรภ์ได้รับสารอาหารเสริมประเภท DHA นั้น จะช่วยให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ดังนี้
  • การประสานงานที่ดีของมือ และสายตา
  • กระบวนการนึกคิด
  • มีสมาธิที่ดีขึ้น

     “อีกทั้ง DHA ยังมีส่วนช่วยให้มารดายืดอายุครรภ์ออกไปได้ถึง6 วัน ซึ่งจะช่วยให้ให้ทารกได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ในครรภ์มารดา และมีผลการศึกษาที่กล่าวว่าการได้รับ DHA ที่เพียงพอระหว่างตั้งครรภ์นั้นจะช่วยให้มารดามีอารมณ์ที่สมดุลมากขึ้นด้วย และอาจช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอีกด้วย”

อาการซึมเศร้าหลังคลอด (PND)

     จะมีผู้หญิงประมาณ 5-25% ที่มีอาการซึมเศร้าหลังการคลอดบุตรหรือในช่วง 1 เดือนหลังคลอดบุตร
เป็นเรื่องปกติที่อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ เป็นช่วงเวลาที่อารมณ์จะไม่คงที่ อย่างไรก็ตามสามรถแบ่งย่อยออกเป็นระดับต่างๆตั้งแต่ ระดับน้อย กลาง รุนแรง (baby Blues) ไปจนถึงอาการโรคประสาท

     โจแอนนากล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์และหลังคลอดของมารดาจะการเพิ่มขึ้นของ ภาวะการอักเสบ (Pro-inflammatory Agents) หรือเรียกว่า Cytokines ในร่างกาย ภาวะเหล่านี้จะส่งผลต่อการนอนหลับของมารดา อาการปวดหลังคลอด ความรู้สึกเจ็บป่วยทางด้านจิตใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดความเครียด และอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้า

     ยังมีการศีกษาที่พบว่าส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการเหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่มีระดับ DHA ในเม็ดเลือดแดงต่ำ กรดไขมันโอเมก้า 3 นี้มีส่วนช่วยในการต่อต้านอาการอักเสบ และช่วยลดภาวะอาการทางอารมณ์ได้อีกด้วย” เธอกล่าว

โอเมก้า 3 สำคัญกับเด็กเท่านั่นหรือ?

     จริงๆแล้วก็ใช่ ผลการทดลองพิสูจน์ว่า DHA สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาสมองในเด็กในทุกช่วงอายุ ดังที่กล่าวข้างต้น  ทารกในครรภ์มารดาสามารถได้รับประโยชน์ของ DHA และยังส่งผลให้ IQ พัฒนาได้มากขึ้นจนอายุถึง 4 ปี

     ยังมีผลการพิสูจน์เพิ่มเติมดังนี้:
  • ทารกแรกเกิด ถึง 6 เดือน ทารกจะได้รับประโยชน์ในเรื่องการประสานงานของประสาทมือและตาเมื่อเปรียบเทียบผล เมื่ออายุ 2 ปี
  • ช่วงอายุ 6 เดือนถึง 12 ปี DHA จะถูกใช้ในการพัฒนาฮอร์โมนที่สำคัญของระบบประสาท และช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตของทารกอีกด้วย
  • ช่วงอายุ 2-5 ปี จากผลการสำรวจพบว่าหาเด็กในช่วงอายุนี้มี DHA ต่ำก็จะมีผลให้เกิดความเสียงต่อโรค ADHD, ปัญหาด้านสายตา และโรคซึมเศร้ า

ผู้อำนวยการแพทย์ของ Xtend-Life Dr. Anthony Perillo

      Dr. Anthony กล่าวว่า เด็กที่เกิดจากมารดาที่เป็นโรคหืดหอบนั้น หากมารดาได้รับปริมาณของน้ำมันปลาที่เพียงพอประมาณ 71% ที่โรคหืดหอบจะพัฒนา ไม่ใช่ว่าจะเป็นปลาอะไรก็ได้ อาหารจำพวกปลาทอดจะมีปริมาณของกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่สูงซึ่งจะส่งผลให้มีโอกาสเป็นโรคหืดหอบมากขึ้น

     “เด็กที่เกิดจากมารดาที่มีโรคประจำตัวหรือโรคภูมิแพ้แทรกซ้อน แต่รับประทานโอเมก้า 3 เสริมจะช่วยให้เด็กลดอัตราการแพ้อาหารประเภทโปรตีนไข่ได้ถึง 3 เท่าและข่วยลดอัตราเสี่ยงของผิวหนังอักเสบจากโรคภูมิแพ้ได้ถึง 10 เท่า”

     และมีรายงานว่าเด็กที่มีปริมาณ DHA ต่ำนั้นมีโอกาสเกิดโรค ADHD โรคทางสายตาและอาการซึมเศร้าได้สูงกว่า

     การบริโภคโอเมก้า 3 ในระหว่าการตั้งครรภ์ และช่วงที่ทารกกำลังเจริญเติบโตนั้นอาจมีผลดีในทางบวกกับค่า BMI ในเด็ก การควบคุมน้ำหนักและการลำเลียงกลูโคสในเด็กสามารถช่วยลดปัญหาโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานในเด็กได้อีกด้วย

มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการได้รับ DHA มีประโยชน์เป็นอย่างมากกับคุณแม่หลังคลอด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีประโยชน์มากกับเด็กรวมถึงทารกอีกด้วย  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า 3 / ดีเอชเอน้ำมันปลาของ Xtend-Life นั้นจะช่วยให้คุณแม่และเด็กมีสุขภาพที่ดี และยาวนาน สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กินเจ 2556 (Veg 2013)

สวัสดีคะ ^/\^ บรรยากาศคุ้นชินช่วง “เทศกาลกินเจ” เวียนมาอีกครั้ง หลายๆ ท่านถือช่วงเวลานี้เป็นการปรับโภชนาการให้กับตัวเองเสียใหม่ โดยหากกินไม่ถูกตามหลักโภชนาการของแต่ละช่วงวัยจะมีผลกระทบตามมาได้ เช่น น้ำหนักขึ้น เกิดภาวะขาดสารอาหาร เป็นต้น

การกินเจ เป็นประเพณีแบบลัทธิเต๋ารวม 9 วัน กำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี มีจุดเริ่มต้นจากประเทศจีนมานานแล้ว โดยมีตำนานเล่าขานกันหลายตำนาน ท่านใดสนใจสามารถคลิกอ่านได้ที่นี่


กินโปรตีนจากพืชทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
     สารอาหารประเภทโปรตีนสามารถหาทดแทนได้จากแหล่งโปรตีนจากพืช อาทิ เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ธัญพืช จริงอยู่ที่ว่า โปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนคุณภาพดีให้กรดอะมิโนครบถ้วน ส่วนโปรตีนที่ได้จากพืชจะขาดกรดอะมิโนบางตัวไป แต่เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาอะไรกับร่างกาย หากเรากินแบบผสมผสานก็สามารถทดแทนโปรตีนที่ขาดหายไปได้ เช่น การกินเต้าหู้ควบคู่กับถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวบาเร่ ลูกเดือย เป็นต้น

กินเจไม่อยู่ท้อง จึงควรกินมื้อหลัก 3 มื้อและเติมมื้อว่าง 2 มื้อ
     หิวบ่อย! เพราะสารอาหารโปรตีนจากพืชย่อยง่ายและย่อยเร็ว จึงควรเติมพลังงานเล็กน้อยเป็นมื้อว่างระหว่างวัน นับถัดจากมื้อหลัก 2 ชั่วโมง ในมื้อเช้าและเที่ยงด้วยเมนูเต้าหู้ทอด หรือนมถั่วเหลือง เมนูถั่วต่างๆ หรือธัญพืชคลุกรวมที่ให้กากใยสูง ทั้งนี้ให้ควบคุมอาหารมื้อว่างในปริมาณไม่เกิน 200 กิโลแคลลอรี และควบคุมความสมดุลของอาหารที่กินแต่ละประเภทไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป

     นอกจากนี้ หากก่อนนอนช่วง 1-2 ทุ่มเกิดอาการหิวอีก แนะนำให้กินนมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด น้ำงาดำ น้ำฟักทอง ในปริมาณไม่เกิน 200–250 ซีซีต่อครั้ง

กินเจให้เหมาะสมกับช่วงวัย
     แน่นอนว่ากิจกรรมที่ทำระหว่างวันของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามช่วงวัย โภชนาการที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ให้แนะนำการกินเจในกลุ่มคน 3 ช่วงวัย ได้แก่

     วัยรุ่น เป็นวัยที่ต้องใช้พลังงานค่อนข้างมาก แนะนำให้กินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ และธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโพด ถั่วเขียว เผือก แทนข้าวขาวและของทอด โดยอาจเสริมอาหารระหว่างวัน เช่น นมถั่วเหลือง 2-3 กล่องระหว่างมื้อ เต้าหู้ทอดที่ผิวนอกกินกับซอสญี่ปุ่น

     วัยทำงาน เป็นวัยที่ต้องใช้กำลังสมองมากและมักมีปัญหาเรื่องไม่ค่อยมีเวลา แนะนำให้กินนมถั่วเหลืองอุ่นแทนกาแฟ และเสริมมื้อว่างช่วงบ่ายด้วย งาขาวอัดแท่ง ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า หรือเมล็ดทานตะวัน ซึ่งมีโปรตีนและไขมันชนิดดีช่วยทำให้อยู่ท้องอีกทั้งการเคี้ยวยังช่วยในกระบวนการคิดในการทำงานดีขึ้นอีกด้วย

     ผู้สูงอายุ ปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นคือการกินผักผลไม้อาจทำให้บางคนเกิดอาการท้องอืด จึงควรหลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกากใยเยอะเกินไป รวมถึงหลีกเลี่ยงการกินผักสด เช่น กะหล่ำปลีสด ผักกาดหอมสด ดังนั้นควรนำมาปรุงให้สุกก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้ในผู้สูงอายุบางรายการกินนมถั่วเหลืองก็อาจทำให้ท้องอืดได้เช่นกัน จึงแนะนำให้กินน้ำธัญพืช เช่น น้ำงาดำ น้ำลูกเดือย เป็นต้นแทน
     โดยปกติแล้วที่ผู้สูงอายุค่อนข้างกินได้น้อยกว่าความต้องการ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารได้ จึงแนะนำเป็นอาหารนิ่มๆ เช่น ผัดเต้าหู้สามรส จับฉ่ายเห็ดหอมเต้าหู้ เต้าหู้ผัดเปรี้ยวหวานสับปะรด โดยเอนไซม์จากสับปะรดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหารให้ดีขึ้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด

กินเจไม่อ้วนอย่างที่คิด ต้องระวังเรื่องน้ำมัน
     หากลองสำรวจดูจะพบว่า อาหารเจสำเร็จที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทไขมันสูงหนักแป้ง และมักปรุงด้วยกรรมวิธีการทอดและผัด “น้ำมัน” จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรระมัดระวัง
     ส่วนมากร้านค้าทั่วไปจะใช้น้ำมันปาล์มซึ่งเป็นน้ำมันอิ่มตัวทำให้มีปํญหาเรื่องคลอเลสเตอรอลในเลือดสูง หากมีโอกาสปรุงอาหารเองที่บ้านควรใช้น้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันรำข้าวปรุงอาหารในปริมาณที่เหมาะสม แนะนำเมนูเจง่ายๆ แต่ให้ประโยชน์ อย่าง ข้าวหุงธัญพืช เต้าหู้เย็นราดซอสญี่ปุ่น ต้มยำเห็ดฟาง เต้าตู้ผัดสามรส
     รวมไปถึงขนมขบเคี้ยวชนิดธัญพืช เช่น งาดำ งาขาว ถั่วต่างๆ ก็จะมีน้ำมันที่เป็นไขมันดีอยู่แล้ว จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้ไขมันส่วนเกิน

ท่านใดต้องการอ่านแบบฉบับสมบูรณ์คลิกที่นี่คะ สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ:

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

กีวี-เคล็นซ์ (กีวีฟรุ๊ต) Kiwi-Klenz (Kiwifruit)

สวัสดีคะ ^/\^ สุขภาพที่ดีและแข็งแรงเริ่มต้นต้วยอาหาร ไม่ว่าอาหารที่ทานจะอุดมด้วยคุณประโยชน์ขนาดไหนหากระบบย่อยอาหารของคุณทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพถือว่าน่าเสียดาย หรือระบบขับถ่ายทำงานได้ไม่ดีนั้นเป็นสิ่งสะท้อนของสุขภาพ มีตัวช่วยจากธรรมชาติมาแนะนำคะ

กีวี-เคล็นซ์ (กีวีฟรุ๊ต)
Kiwi-Klenz (Kiwifruit)

หมายเลข อย.: 10-3-03548-1-0013

เนื่องจากสุขภาพของระบบการย่อยอาหารเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพองค์รวม ปัญหาสุขภาพหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นอาจมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่สารอาหารโมเลกุลใหญ่ไม่ถูก ย่อยอย่างมีประสิทธิภาพและตกค้างอยู่ที่บริเวณลำไส้จนถูกดูดซึมกลับเข้ามา เป็นสารพิษในร่างกาย เมื่อร่างกายตกอยู่ในภาวะดังกล่าวปัญหาสุขภาพอาจเกิดขึ้นได้ทุกระบบของร่าง กาย เช่น ปวดหลัง เป็นสิว รู้สึกขาดพลังงาน ตัวบวม ท้องผูกหรือท้องร่วง ลมหายใจมีกลิ่น และไม่สบายหรือเป็นหวัดบ่อย รวมถึงการเกิดเนื้องอกที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็ง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกีวีฟรุ๊ต เพื่อช่วยปฎิบัติการปรับสมดุลของระบบย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติส่งผลให้ร่างกายสามารถย่อยโปรตีนเนื้อสัตว์และนมได้ดีกว่าปกติถึง 2 เท่า

ทั้งนี้เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกีวีฟรุ๊ตผลิตจากผลกีวีนิวซีแลนด์สดทั้งผล (รวมเปลือก100%) ผ่านกรรมวิธีสกัดด้วยน้ำ AquaPure® เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์จึงคงคุณค่าและอุดมด้วย
  • จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และเอนไซม์ธรรมชาติ ที่นอกจากจะช่วยย่อยอาหารและป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อน (GERD) แล้ว ยังช่วยชะล้างสารพิษที่เกิดจากการหมักของโปรตีนในระบบทางเดินอาหารเนื่องจากอาหารไม่ย่อยจึงทำให้สารพิษถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดน้อยลง และลดปัญหาในเรื่องของกลิ่นตัวและกลิ่นปากได้ (หมายเหตุ อาหารประเภทโปรตีนย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ใหญ่ รวมถึงนม มักเป็นสาเหตุของสารพิษสะสมในร่างกาย ที่อาจเป็นที่มาของโรคมะเร็ง เนื่องจากร่างกายมักเกิดปัญหาย่อยสารอาหารประเภทนี้ไม่สมบูรณ์
  • ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ใยอาหารส่งเสริมระบบการขับถ่าย จึงช่วยแก้ท้องผูก ลดปัญหาถ่ายไม่ออก เปรียบเหมือนการกวาดของเสียออกจากลำไส้
  • ประสิทธิภาพของสารพีโนลิคและสารพรีไบโอติก พีโนลิคยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ตัวร้าย ลดการสร้างสารพิษของแบคทีเรียที่ให้โทษ ที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง สารสำคัญนี้อยู่ที่บริเวณเปลือกกีวีเท่านั้น สารพรีไบโอติกเป็นอาหารของโปรไบโอติก หรือจุลินทรีย์ตัวที่ดี ประโยชน์ของจุลินทรีย์ตัวดี คือการช่วยดูดซึมสารอาหารต่างๆ ของลำไส้ เพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน
และหากรับประทานเป็นประจำผลที่อาจจะรู้สึกได้คือ
  • เพิ่มสมดุลของการเคลื่อนตัวของลำไส้ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นได้ดียิ่งขึ้น
  • ลดโอกาสการเกิดสารพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง
  • ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส สิวอักเสบลดลง
  • ลดอาการบวมน้ำ ลดการเกิดแก็สเสียในร่างกาย
อาจกล่าวได้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกีวี-เคล็นซ์ (กีวีฟรุ๊ต) นำประโยชน์กีวี่ทั้งผล รวมเปลือก 100% เพื่อปฏิบัติการปรับสมดุลระบบการย่อยอาหาร ล้างลำไส้ detox สารพิษและอุดมไปด้วย fiber ที่ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่าย แก้ท้องผูกซึ่งเหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพของลำไส้ ระบบการย่อยอาหารและขับถ่ายอย่างครบวงจร หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหากรดไหลย้อนท้องผูก ท้องเสียบ่อยๆ หรือลำไส้แปรปรวน ผลิตภัณฑ์นี้อาจเป็นคำตอบของปัญหาสุขภาพคุณ นอกจากนี้การเสริมอาหารใดๆ พร้อมกับกีวี-เคล็นซ์ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารให้ร่างกายคุณได้รับประโยชน์เต็มที่

โพสต์ต่อไปเป็นเรื่องใดโปรดติดตาม สวัสดีคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

เจ็ดซากมะเร็งตรวจได้จากเลือด (Cancer marker)

สวัสดีคะ ^/\^ ช่วงหลังๆ มานี้พบเจอใครต่างก็กลัวมะเร็งทั้งนั้น ถ้าเราสามารถสืบรู้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะได้รับมือกับมะเร็งได้ถูกต้องใช่ไหมคะ ดิฉันจึงขออนุญาตเผยแผ่บทความของนพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เรื่องเจ็ดซากมะเร็งตรวจได้จากเลือดคะ

มะเร็งก็คล้ายเด็กซนครับ ไปที่ไหนก็วุ่นวายไปทั่ว ครั้นลุกออกมากลับบ้านแล้วก็ยังทิ้งซากซนทโมนเอาไว้เป็นข้าวของรกรุงรังอยู่ตามหลัง ราวกับผีพุ่งไต้ที่ทิ้งซากหางของมันเอาไว้ก็ไม่ปาน

การจะกำจัดมะเร็งต้นตอได้มีอยู่ทางหนึ่งคือดูจาก “ซาก” นี่ละครับ ในบรรดาซากทั้งหลายของมะเร็งเราใช้คำศัพท์ทางวิชาการเรียกมันว่า “ค่าสารบ่งชี้มะเร็ง” (Cancer marker) ที่เชื่อว่าหลายท่านรู้จักดีอยู่ แต่ความสำคัญอยู่ที่ต้องรู้นะครับว่าไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมดทุกชนิดและบางชนิดขึ้นสูงก็ไม่จำเป็นต้องตกใจจากมะเร็งเสมอไป มีโรคอื่นด้วยที่ทำให้ “ซาก” เหล่านี้ขึ้นสูง มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

1. ซากมะเร็งตับ ค่าสารบ่งชี้ชนิดนี้เรียกว่า เอเอฟพี (AFP) ยิ่งมีมากยิ่งบอกถึงความเสี่ยงมะเร็งตับ ความสำคัญอยู่ที่ใช้ดูก่อนเกิดมะเร็งในผู้มีความเสี่ยง เช่น ตับไม่ดี ดื่มแอลกอฮอล์ พาหะไวรัสตับอักเสบบี และใช้ดูเวลาที่รักษามะเร็งตับแล้วมีการลุกสามมากขึ้นหรือไม่

2. ซากมะเร็งลำไส้ ในกลุ่มของมะเร็งชนิดนี้มีข้อดีคือมีวิธีตรวจเยอะครับ นอกจากส่องกล้องที่ยุ่งยากแล้วยังมีการ “เจาะเลือดตรวจ” ที่ง่ายกว่ามาก ตรวจตอนดูสุขภาพประจำปีก็ได้ครับ ค่านี้เรียกว่า ซีเอ19-9 (CA19-9)

3. ซากมะเร็งต่อมลูกหมาก บอกได้ดีถ้าเจาะดูค่า พีเอสเอ (PSA) ที่อาจเริ่มสูงได้ตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ คนที่มีปัญหาปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะบ่อยหรือผิดปกติไปขอให้ตรวจค่าพีเอสเอนี้ดู ถ้าสูงก็ยังไม่ต้องตกใจครับ เพราะมันอาจหมายถึงแค่ต่อมลูกหมากโตเล็กน้อยไม่ใช่มะเร็งเสมอไป

4. ซากมะเร็งเต้านม ตรวจได้จากเลือดครับคือค่า ซีเอ15-3 (CA15-3) ถ้าให้ดีก็ตรวจร่วมกับแมมโมแกรมให้แน่ครับ

5. ซากมะเร็งรังไข่ ใช้การเจาะเลือดร่วมกับอัลตราซาวน์ท้องน้อยเป็นสำคัญ ซากของมันในเลือดชื่อ ซีเอ12-5 (CA12-5) ถ้ายังไม่อยากอัลตราซาวน์หรือตรวจภายในให้เหนียมเล่นก็สามารถตรวจจากเลือดได้ก่อนครับ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีประวัติในครอบครัวปวดประจำเดือนบ่อยหรือเป็นช็อกโกแลตซีสต์

6. ซากมะเร็งปากมดลูก ต้องใช้การตรวจภายในเป็นหลัก ผลที่ได้มักพบซากเชื้อโรคตัวหนึ่งเรียก เอชพีวี (HPV) ในช่องคลอด การตรวจภายในประจำปีก็จับเชื้อนี้ได้ ขอให้เน้นกับคุณหมอว่าจะตรวจเชื้อเอชพีวีนี้ด้วย เพราะถ้าเจอมันก็ชี้ถึงความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้มากครับ

7. ซากมะเร็งสมอง ของที่อยู่ในกะโหลกนั้นก็ยังสามารถตรวจซากที่โผล่ออกมาในเลือดได้ครับ สำหรับกรณีนี้คือ เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Prolactinoma) ที่พบบ่อยทำให้ปวดศีรษะ ตามัว คลื่นไส้ ในบางท่านมีน้ำนมไหลจากอกด้วย ช่วยตรวจให้รู้โดยหาค่าโปรแล็กติน (Prolactin)

เวลาตรวจสุขภาพให้กับคนไข้ก็จะถามง่ายๆ ว่าอยากตรวจขยะมะเร็งชนิดไหนบ้าง ไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งเจ็ดชนิด โดยจะดูจากพฤติกรรมในชีวิตคนไข้และประวัติเสี่ยงโรคภัยในครอบครัวครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
     - มีญาติพี่น้องสายตรงเป็นมะเร็ง อาทิ มะเร็งเต้านม
     - แต่งงานตั้งแต่อายุน้อย นึกถึงมะเร็งปากมดลูก
     - ปวดศีรษะมานานเรื้อรัง ระวังเรื่องของสมอง
     - ประจำเดือนผิดปกติ ปวดประจำเดือนบ่อย นึกถึงรังไข่
     - ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ นึกถึงเนื้องอกในตับ
     - ขับถ่ายผิดปกติ น้ำหนักตัวลดเบื่ออาหาร นึกถึงมะเร็งลำไส้
     - ปัสสาวะไม่พุ่งแรง ปัสสาวะบ่อย มีอาการคล้ายไม่สุด นึกถึงต่อมลูกหมาก

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยขน์สำหรับทุกท่านไม่มาก็น้อย สวัสดีคะ ^/\^

ขอบขอบคุณ
๐ นพ.กฤษดา ศิรามพุช. (2556, 7 เมษายน). กายคิด จิตกำหนดเจ็ดซากมะเร็งตรวจได้จากเลือด. กายใจ กรุงเทพธุรกิจ, หน้า 8

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่าย VS การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์

สวัสดีคะ ^/\^ โพสต์ครั้งที่แล้วได้กล่าวถึงการบริจาคดวงตาไปแล้ว โพสต์นี้จะกล่าวอีก 2 การบริจาคที่ถือว่าเป็นการทำทานบารมีขั้นสูงสุดจนวินาทีสุดท้าย นั่นคือการบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่ายและการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์

โดยโพสต์ครั้งนี้ขอนำการบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่ายและการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์มาเปรียบว่าให้เห็นความแตกต่างของการบริจาคทั้งสองอย่างกัน

การบริจาคอวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย
การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์
1. นำอวัยวะบางส่วน เช่น หัวใจ ปอด ตับ ไต ฯลฯ ไปเปลี่ยนให้กับผู้ป่วยที่อวัยวะนั้นๆ เสื่อมสภาพเพื่อให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น 1. อุทิศร่างกายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ศึกษาส่วนต่างๆ ของอวัยวะในร่างกายมนุษย์
2. ต้องเสียชีวิตจากสมองตายเท่านั้น 2. เสียชีวิตจากสาเหตุธรรมชาติ มีอวัยวะครบถ้วน ยกเว้นผู้บริจาคดวงตา
3. หลังจากผ่าตัดนำอวัยวะออกซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง แพทย์ตะตกแต่งร่างกายให้คงเดิมและมอบให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ 3. หลังจากเสียชีวิตแล้วต้องแจ้งให้ไปรับร่างกายภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการศึกษาซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ปี จะมีพิธีบำเพ็ญกุศลอาจารย์ใหญ่ให้
4. รับแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะจากผู้มีจิตกุศลทั่วประเทศ 4. มีขอบเขตการรับอุทิศร่างกายจำกัด เช่น รับเฉพาะผู้ที่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (รายละเอียดขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน)
5. แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดทุกแห่ง ร.พ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น ร.พ.ชลบุรี ร.พ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และหน่วยเคลื่อนที่ต่างๆ 5. ติดต่อได้ที่คณะแพทยศาสตร์ทุกแห่ง

จากข้างต้นพอจะเห็นความแตกต่างกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็สามารถแสดงความจำนงบริจาคได้ทั้งอวัยวะและร่างกาย แต่เมื่อเสียชีวิตจะบริจาคอะไรได้ขึ้นอยู่กับสาเหตุการเสียชีวิต เพราะผู้ที่สามารถบริจาคอวัยวะได้ต้องเสียชีวิตด้วยภาวะสมองตายเท่านั้น เช่น เส้นเลือดในสมองแตก เนื้องอกในสมอง ส่วนผู้ที่บริจาคร่างกายเสียชีวิตด้วยภาวะปกติ เช่น ชราภาพ ฯลฯ 

การบริจาคทั้งสองกรณีถือว่าเป็นการทำทานที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้คนได้มากมายไม่สูญเปล่า หากท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ของสภากาชาดไทยหรือเส้นทางลิงค์ด้านล่าง ขออนุโมทนาบุญคะ ^/\^

ขอขอบคุณ

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การบริจาคดวงตา (Cornea)

สวัสดีคะ ^/\^ หลังจากที่คิดมาหลายตลบว่าไหนๆ ก็โพสต์เกี่ยวกับการบริจาคโลหิต พลาสม่า และสเต็มเซลล์ยังมีการบริจาคอีก 3 อย่างก็จะครบตามที่สภากาชาดไทยรับบริจาค นั่นคือการบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปปลูกถ่าย การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ และการบริจาคดวงตา ซึ่งทั้ง 3 อย่างที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นการทำทานบารมีขั้นสูงสุดจนวินาทีสุดท้ายกันเลยทีเดียว

ขอแจ้งแก่ท่านผู้มีจิตกุศลได้ทราบก่อนว่า “การบริจาคดวงตา” เป็นการยื่นเจตจำนงต่างหากจากการบริจาคอวัยวะ (หัวใจ ปอด ตับ ไต) เรามาดูรายละเอียดกันเลยคะ

ประเทศไทยมีคนตาบอดหรือมืดมัวอยู่เป็นจำนวนมากที่มีสาเหตุจากโรคกระจกตาหรือตาดำ ซึ่งศัพท์ทางแพทย์เรียกว่า Cornea อาจจะรักษาให้หายหรือทุเลาได้โดยวิธีการผ่าตัดที่เรียกว่าการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาหรือ Corneal Transplantaiton (Keratoplasty)

ส่วนตาขาวนำไปใช้ประโยชน์ในการผ่าตัดรักษาและแก้ไขความผิดปกติและโรคของตาได้หลายชนิด เช่น ผ่าตัดแก้ไขหนังตาตก ใช้หุ้มลูกแก้วที่ใช้ใส่แทนตาปลอมกรณีแพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดควักตาของผู้ป่วยออก การผ่าตัดแก้ไขหนังตาม้วนเข้า ผ่าตัดแก้ไขจอประสาทตาลอก แก้ไขส่วนตาขาวของผู้ป่วยที่บางมาก เป็นต้น

ในสมัยก่อนไทยเราได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์ดวงตาสากล (International Eye Bank) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา และจักษุแพทย์ในประเทศไทยก็พยายามช่วยตัวเองโดยการแสวงหาดวงตาจากศพไม่มีญาติที่ถึงแก่กรรมในโรงพยาบาล ด้วยทั้ง 2 ประการนี้นานๆ ถึงจะได้ดวงตาสักครั้งซึ่งไม่เพียงพอกับผู้ป่วยที่รออยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของ “ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย” และวันที่ 17 สิงหาคม 2512 ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้รับดวงตาจากผู้บริจาคที่ถึงแก่กรรมเป็นคู่แรกนำมาผ่าตัดให้ผู้ป่วยสำเร็จ 2 ราย ซึ่งต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานคำขวัญเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้แสดงความจำนงอุทิศดวงตา ความว่า

"ดวงตาเราคู่นี้แสนมีค่า เกินกว่าจะทิ้งไปให้สูญเปล่า 
เราไม่อยู่เราไม่ใช้นัยน์ตาเรา ให้คนเขาเก็บไว้ใช้เราได้บุญ"

เงื่อนไขในการรับบริจาคดวงตาก็ไม่ซับซ้อนเพียงท่านสามารถมองเห็นได้ ไม่ว่าจะสายตาสั้น ยาว เอียง ตาเหล่ เคยเป็นต้อ หรือมีโรคประจำตัวอย่างความดัน เบาหวานก็สามารถแสดงความจำนงบริจาคดวงตาได้ เพราะการแสดงความจำนงไว้ว่าจะบริจาคดวงตาในวาระสุดท้ายให้กับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โดยจะนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ขึ้นอยู่ตอนเสียชีวิตว่าทางผู้อุทิศดวงตามีโรคใดบ้างที่ทำให้ติดเชื้อไปกับผู้ป่วยกระจกตาพิการที่เราจะใช้ประโยชน์การเปลี่ยนให้ ถ้าทางศูนย์ดวงตาตรวจดูร่างกายของผู้อุทิศดวงตาแล้วว่าไม่มีโรคที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยที่เราจะเปลี่ยนกระจกตาได้ ทางศูนย์ฯก็จะไปจัดเก็บดวงตาของผู้อุทิศดวงตาตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค

ท่านสามารถติดต่อแสดงความจำนงบริจาคดวงตาได้ 3 ช่องทาง
1. ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย (คลิกเพิ่มเติม)
2. บริจาคออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย http://www.eyebankthai.com ซึ่งศูนย์ดวงตาจะจัดส่งบัตรผู้บริจาคดวงตาให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้
3. เครือข่ายศูนย์ดวงตา (คลิกเพิ่มเติม)

ท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงค์ได้เลยคะ ขออนุโมทนาบุญคะ ^/\^

ขอขอบคุณ

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Total Balanz Pluz สารอาหารรวม 68 ชนิด

สวัสดีคะ ^/\^  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะแนะนำต่อไปนี้มีชื่อเสียงมากถึงกับได้รับการโหวตเป็นอันดับ 1 จากผลิตภัณฑ์ 100 แบรนด์ด้วยกัน เราไปรู้จักกันเลยคะ

โททัล บาลานซ์ พลัส (Total Balanz Pluz)
เครื่องหมาย อย.: 10-3-03548-1-0003

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รวมคุณค่าสารอาหารจากธรรมชาติและวิตามินรวมสูงสุดถึง 68 ชนิด ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูงและการรวมคุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ซึ่งเน้นส่วนผสมที่สกัดมาจากธรรมชาติเป็นส่วนสำคัญ คิดค้นโดยบริษัทเอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์ ประเทศนิวซีแลนด์และได้รับการพัฒนาสูตรเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย (อย.)ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเรียบร้อยแล้ว

สารอาหารทุกตัวได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดระดับโมเลกุลโดย ศาตราจารย์ ดร. เอ มูเน็ม ดาอูด์ หัวหน้าทีมงานแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า สารอาหารทุกตัวมีการทำงานร่วมกันและออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำหน่ายในราคาที่ยุติธรรมเพื่อให้ลูกค้าใน 45 ประเทศรวมถึงคนไทยที่ต้องการดูแลสุขภาพสามารถจัดซื้อมารับประทานได้

เรามีความเชี่ยวชาญในสารอาหารเสริม เพราะเราทราบว่าสารอาหารบางชนิดที่อยู่ในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั่วไปอาจถูกทำลายด้วยกรดในกระเพาะได้ง่าย เช่น กลูต้าไธโอน เราจึงได้นำเทคโนโลยี่จากวงการเภชสัชกรรมชั้นสูงมาใช้ในการเคลือบเม็ดอาหารเสริมด้วยระบบเอนเทอริค enteric coating ซึ่งจะช่วยปกป้องไม่ให้กรดในกระเพาะทำลายสารอาหารสำคัญ ทำให้สารอาหารเหล่านี้ถูกปล่อยออกมาบริเวณลำไส้เล็กซึ่งเป็นจุดที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุด การเคลือบเม็ด อาหารเสริมด้วยเอนเทอริคจะช่วยให้ท่านรับประทานได้ง่ายขึ้นโดยไม่ระคายเคืองกระเพาะ

เชื่อมั่นได้ด้วยข้อมูลยืนยันจากลูกค้าของเราที่ได้แจ้งเกี่ยวกับประโยชน์จากการรับประทานอาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัส ไว้มากมาย เช่น
  • สมองปราดเปรื่องขึ้น ความรู้สึกที่สดชื่นขึ้น ด้วยสารอาหารจาก เลซิติน, อัลฟาไลโปอิก แอซิด, แอล-คาร์นิทีน, แอล- ไทโรซีน, อินโนซิทอล
  • สุขภาพหัวใจ, คุณภาพของเลือด, และหลอดเลือดดีขึ้น ด้วยสารอาหารจากวิตามินบี 12, วิตามินซี, วิตามินอี, ชาเขียวสกัด, แอล- กลูตาไธโอนและอื่นๆ
  • ลดอาการภูมิแพ้ ไข้หวัด หรือป่วยไข้ ด้วย สารอาหารจาก แอล- กลูตาไธโอน, แอล-ซิสเทอีน, เบต้า กลูแคน 1,3 , ควอร์เซติน, สารสกัดจากมะเขือเทศ, วิตามินบี 6, ชาเขียว สกัด, วิตามินซี, วิตามินอี, ยี่หร่าดำ สกัด
  • เล็บแข็งแร็งขึ้น ผมเงางามขึ้น ผิวพรรณกระชับขึ้น ด้วยสารอาหารจาก แอล-โพรลีน, แอล- เมไธโอนิน, ลูเทอิน, อะโลเวรา, ดี-ไบโอดีน, วิตามินบี 2, วิตามินบี 3, วิตามินซี,  วิตามินอี, ชาเขียวสกัดและอื่นๆ
  • สายตาการมองเห็นที่ดีขึ้น ด้วยสารอาหารจาก อัลฟาไลโปอิก, เบต้าแคโรทีน, ซีแซนธิน, ลูเทอิน, วิตามินบี 2, บิลเบอร์รี่สกัด
  • ระบบย่อยอาหาร การดูดซึม และสุขภาพภาพตับดีขึ้น ด้วยสารอาหารจาก ไพเพอรีน, ขิง สกัด, ยี่หร่าดำ สกัด,  อะโลเวรา,, เลซิติน, คอไลน์, อัลฟาไลโปอิก, แอล-เมไธโอนิน

อาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัส กับการลดริ้วรอยด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

ด้วยสารอาหารสำคัญและวิตามินรวมที่หลากหลายในโททัล บาลานซ์ พลัสจึงสร้างเสริมให้ท่านพร้อมในทุกด้าน อาทิเช่น มีผิวพรรณเริ่มดูดีขึ้น มีกำลังวังชาที่ดีขึ้น อารมณ์ผ่อนคลาย และสามารถเผชิญกับความเครียดได้ดีขึ้น

ไกลเคชั่น และเมธิลเลชั่นที่เป็นส่วนสำคัญในการลดสารอนุมูลอิสระ นอกจากนี้มีเพียงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไม่กี่ชนิดที่ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอหรือเซลล์ในร่างกายให้สมบรูณ์ สาเหตุที่ผู้ผลิตเหล่านั้นไม่ได้นำ ส่วนผสมเหล่านี้มาใช้อาจเพราะต้นทุนสูงและนวัตกรรมการผลิตที่ไม่ทันสมัย แต่ในอาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัสมีครบทุกส่วนประกอบที่กล่าวมาข้างต้น

เพราะอาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัส มีสารสกัดจากผิวองุ่น Reservatrol ช่วยปกป้องเซลล์และชะลอกระบวนการเสื่อมของร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายต่างๆ พร้อมทั้งส่วนประกอบของ L-Glutathinone ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงจึงนำท่านไปสู่สุขภาพผิวและกายที่ แข็งแรง

อาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัส มีสารสกัดของผลทับทิมถึง 200 มก.ซึ่งผลทับทิมนั้นสามารถช่วยลดภาวะเซ็กส์เสื่อม (impotence) ช่วยปกป้องการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายและช่วยสมดุลสภาวะอารมณ์ของท่านผู้หญิงวัยทองได้ และส่วนที่สำคัญที่สุดหากท่านรับประทานอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ท่านแข็งแรงจากภายในห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆ สนุกกับการใช้ชีวิตและดูอ่อนวัย

แร่ธาตุที่จำเป็น, เอนไซม์จากธรรมชาติ, วิตามินและโคแฟ็คเตอร์, กรดอะมิโนและเสริมอาหารจากธรรมชาติ, ส่วนผสมสร้างภูมิต้านทานโรค, พืชสมุนไพรสกัด นี่คือกลุ่มสารอาหารที่ท่านจะได้รับจากอาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัส

         

เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลสุขภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่างๆ ขอแนะนำให้ทานอาหารเสริม โททัล บาลานซ์ พลัส ร่วมกับน้ำมันปลา โอเมก้า3 ดีเอชเอของเอ๊กซ์เท็นด์ไลฟ์ซึ่งเป็นน้ำมันปลาบริสุทธิ์จากประเทศนิวซีแลนด์ สวัสดีคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

8 คำถามรู้ทันวิตามิน (Vitamins) 2/2

สวัสดีคะ ^/\^ มาต่อกับ 8 คำถามยอดฮิต "ชีวิตกับวิตามิน"

5. วิตามินต้องเป็นของนอกถึงดี เช่นเดียวกับความคิดที่ว่าต้องไปโรงพบาลถึงจะดีกว่าคลินิกนั่นละครับ วิตามินไม่ว่าผลิตที่ไหน ถ้าผ่านกระบวนการตรวจสอบแบบที่ใช้กันเป็นมาตรฐานและมีการศึกษารับรองก็ถือเป็นของดีที่รับประทานได้หมดครับ ไม่เหมือนกับวิตามินที่โรงพบาลอินเตอร์บางแห่งผลิตเองในห้องเล็กๆ แล้วก็จัดมา "เฉพาะบุคคล" อย่างนี้เสียอีกครับที่น่าจับตามองในเรื่องความแน่นอนของปริมาณและผลการรักษา

6. วิตามินกินแล้วสวยสั่งได้ วิตามินกินแล้วสวยไม่มีในโลกครับ ย้ำ...ไม่มีอยู่จริงๆ ครับ แต่การกินวิตามินให้ "สุขภาพสวย" น่ะมีครับ นั่นคือเลือกรับประทานวิตามินร่วมกับอาหารสด เช่น กินวิตามินซีและน้ำมันปลาแล้วก็ต้องกินปลาสดกับผักสดด้วย อย่างนี้จะช่วยให้คุณ "ดูดี" ได้แน่ๆ

7. วิตามินลดอ้วนควรกินไหม ที่จริงแล้วไม่มี "วิตามินลดความอ้วน" มีก็แต่วิตามินที่ช่วยในกลไกการเผาผลาญของร่างกาย ยกตัวอย่าง แอล-คาร์นิทีน โคคิวเท็นหรือสารอาหารชนิดอื่นๆ อย่างสารสกัดชาเขียว จะไม่ช่วยรีดน้ำหนักได้เลยตราบเท่าที่เรายังรับประทานเท่าเดิมและไม่ได้ออกกำลังกาย

8. วิตามินบำบัดขจัดมะเร็งได้ไหม การกินวิตามินให้รักษามะเร็งนั้นไม่ควรเลยครับ เพราะอย่าลืมว่ามะเร็งมีสาเหตุการเกิดร่วมกันหลายอย่าง ทั้งเรื่องพันธุกรรม ฮอร์โมนและความเครียด อีกมากที่มากระตุ้นมะเร็งให้งอกงามขึ้น ดังนั้น การรับประทานวิตามินสำหรับมะเร็งนั้นเป็น "ตัวช่วย" เท่านั้นครับ ขอท่านที่รักอย่าเพิ่งทิ้งทางหลักของการรักษาเป็นอันขาดทีเดียว

หวังว่าโพสต์ "8 คำถามรู้ทันวิตามิน" มีประโยนช์ต่อเพื่อนๆ ทุกท่าน สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ
  • นพ.กฤษดา ศิรามพุช. (2556, 24 มีนาคม). กายคิด จิตกำหนด: 8 คำถามรู้ทันวิตามิน. กรุงเทพธุรกิจ กายใจ, หน้า 8

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สกัดผง (GLM)

สวัสดีคะ ^/\^ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวต่อไปนี้ขอแนะนำให้ทานควบคู่กับน้ำมันปลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ นั่นก็คือ...

หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สกัดผง (Green Lipped Mussel Powder)
หมายเลข อย.: 10-3-03548-1-0005

เป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดจากหอยแมลงภู่ซึ่งได้จากน่านน้ำบริสุทธิ์ประเทศนิวซีแลนด์ ปราศจากการแต่งเติมสารใดๆ การรับประทานหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์สกัดผง Green Lipped Mussel Powder (GLM) อย่างต่อเนื่อง 2 เดือนช่วยลดปัญหาการปวดข้อ ข้ออักเสบ เนื่องจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ประกอบด้วยกรดไขมันจำเป็นซึ่งมีคุณสมบัติใน การลดการอักเสบ และสารมิวโคโพลิแซคคาร์ไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นโครงสร้างของกระดูกอ่อน มีคุณสมบัติในการรักษาแผล รวมถึงรอยแผลเป็น ช่วยให้ผิวพรรณดูมีสุขภาพดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเสริมสร้างความยืดหยุ่นของหลอดเลือด

นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญ คือ กลูโคซามิน (Glucosamine) และคอนโดรอิตินซัลเฟต (Chondroitin Sulfate) ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างกระดูกอ่อน เนื้อเยื่อเกี่ยวกับฟันและกระบวนการซ่อมแซมข้อต่อ

สามารถทานควบคู่กับน้ำปลาสูตรใดก็ได้
         

ผู้ที่มีปัญหาปวดข้อลองทานเพราะมีกรดไขมันจำเป็นในการลดการอักเสบ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของหลอดเลือด มีสารสำคัญต่อการสร้างกระดูกอ่อน และมีคุณสมบัติในการรักษาแผลเป็นอีกด้วย ท่านใดสนใจคลิกลิงค์สีเขียวหรือรูปได้เลยคะ โพสต์ต่อไปเป็นผลิตภัณฑ์ใดนั้นโปรดติดตามคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

8 คำถามรู้ทันวิตามิน (Vitamins) 1/2

สวัสดีคะ ^/\^ ดิฉันได้อ่านบทความ "8 คำถามรู้ทันวิตามิน" ของนพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ อ่านแล้วรู้สึกว่าต้องบอกต่อจึงนำบทความมาเผยแผ่คะ

8 คำถามยอดฮิต "ชีวิตกับวิตามิน"

1. ตรวจวิตามินจำเป็นจริงหรือ มีผู้ถามมากในระยะหลังด้วยเพราะโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งตั้งเกณฑ์การตรวจขึ้นมา มีราคาสูงมากเป็นหลักหมื่นถึงหลายหมื่น ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจในทุกคนนะครับ ขอให้เลือกตรวจสุขภาพแบบที่จำเป็นก่อน เช่น ตับ ไต หัวใจ ไขมัน มะเร็ง แต่การตรวจวิตามินนี่ถ้าปกติดี กินอาหารครบก็ไม่จำเป็นต้องตรวจครับ

2. จัดวิตามินเฉพาะบุคคล การจัดยารายบุคคลนี่ต้องระวังครับ เพราะจะเป็นยา "ทำเอง" นั่นคือทำกันในโรงพยาบาลเป็นห้องเล็กๆ ไม่ใช่โรงงานผลิตยาขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน ดังนั้น ยา "ทำเอง" พวกนี้จึงกินแล้วอาจรู้สึก "เฉยๆ" เท่านั้นแต่ที่สำคัญคือ "แพงมาก"

3. วิตามินชั้นดีต้องแพงเสมอไป ไม่จำเป็นเลยครับท่านที่รัก วิตามินที่ดีมีวิธีเลือกง่ายคือเป็นธรรมชาติที่สุด ดูดซึมดีและมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่รวมอยู่ในเม็ดเดียวกันทุกวิตามินแต่กินเข้าไปมีแต่ "วิตามินสังเคราะห์" ทั้งนั้น

4. วิตามินจำเป็นหรือไม่ คำถามระดับโลกจริงๆ ซึ่งก็มีคำตอบให้คือ "แล้วแต่คน" ครับ เอาตัวอย่างง่ายๆ ก็ได้ ถ้าในคนที่อายุมากแล้วกินอาหารได้น้อย หรือกินได้มากก็ไม่ดูดซึมดีเหมือนคนหนุ่มสาว หากได้วิตามินเข้าไปช่วยก็จะดีขึ้นมากครับ แต่ในคนหนุ่มสาวที่กินได้ครบอยู่แล้ว อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริม

โปรดติดตาม 8 คำถามยอดฮิต "ชีวิตกับวิตามิน" ตอนจบ สวัสดีคะ ^/\^

ขอขอบคุณ
  • นพ.กฤษดา ศิรามพุช. (2556, 24 มีนาคม). กายคิด จิตกำหนด: 8 คำถามรู้ทันวิตามิน. กรุงเทพธุรกิจ กายใจ, หน้า 8

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โอเมก้า 3 คิวเอช อัลตร้า (Omega 3 QH Ultra)

สวัสดีคะ ^/\^ โพสต์ที่แล้วได้กล่าวถึงน้ำมันปลาสูตรที่ 3 คือ โอเมก้า3 ดีเอชเอ, น้ำมันปลาพริเมี่ยม ซึ่งโดดเด่นในการต้านสารอนุมูลอิสระ, มะเร็ง, บำรุงผิวพรรณ คุณสมบัติก็มากแล้ว น้ำมันปลาสูตรที่ 4 โอเมก้า 3 คิวเอช อัลตร้า จะมีอะไรที่เพิ่มเข้ามาอีก? เชิญติดตามได้คะ

โอเมก้า3 ดีเอชเอ, น้ำมันปลาพริเมี่ยม
โอเมก้า 3 คิวเอช อัลตร้า


โอเมก้า 3 คิวเอช อัลตร้า มีส่วนผสมเช่นเดียวกับ โอเมก้า3 ดีเอชเอ, น้ำมันปลาพริเมี่ยม รวมกับ Ubiquinol หรือโคเอ็นไซม์คิว 10 ในรูปแบบที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ง่ายทำให้ โอเมก้า 3 คิวเอช อัลตร้า มีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันและบรรเทาโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยเพิ่มระดับพลังงาน

Ubiquinol หรือโคเอ็นไซม์คิว 10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธภาพสูงที่ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์อันนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่าสารดังกล่าวมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงการพัฒนาของกลุ่มโรคทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน โรคเกี่ยวกับระบบความจำ เช่น ความจำสั้น ความจำเสื่อม เป็นต้น ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยบรรเทาอาการไมเกรน

เพิ่มเติม | สั่งซื้อ

ว้าว! น้ำมันปลาโอเมก้า 3 คิวเอช อัลตร้า นอกจากจะต้านสารอนุมูลอิสระ, มะเร็ง, บำรุงผิวพรรณแล้ว ยังมีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันและบรรเทาโรคหัวใจและหลอดเลือด และลดความเสี่ยงการพัฒนาของกลุ่มโรคทางระบบประสาท โรคเกี่ยวกับระบบความจำ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน คุณสมบัติครอบคลุมขนาดนี้ "คุณประโยนช์เต็มเม็ด" จริงๆ คะ

โพสต์ต่อไปเป็นเรื่องอะไร โปรดติดตามต่อไปสวัสดีคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หัวใจและหลอดเลือด

สวัสดีคะ ^/\^ เมื่ออายุที่มากขึ้นต้องยิ่งดูแลหัวใจกันให้ดีๆ เพราะในขณะที่นอนหลับหัวใจยังเป็นอวัยวะที่ทำงานโดยตลอด

โรคภัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือดมีความเกี่ยวเนื่องกับโรคหัวใจทั้งสิ้น รวมทั้งสภาวะความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และภาวะอุดตันของหลอดเลือด สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคหัวใจนั้นเกิดจากปัญหาการไหลเวียนของโลหิตที่กล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ

ส่วนคนอ้วนก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้เนื่องจากมีระดับคลอเรสเตอรอลสูง (ไขมัน แอลดีแอล-ไขมันชนิดไม่ดี), โรคเบาหวาน, และโรคความดันโลหิตสูง

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติจะช่วยลดการเกิดภาวะโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอุดตัน การมีโภชนาการที่ถูกหลัก รวมถึงวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันโรคได้ พร้อมทั้งทำให้ผนังหลอดโลหิตแดงแข็งแรง และทำให้ลดไขมันในหลอดเลือด ลดคลอเรสเตอรอล และทำให้ฮอร์โมนมีภาวะสมบูรณ์ และอื่นๆอีกมากมาย


การป้องกันโรคหัวใจให้ได้ผลดียิ่งขึ้นนั้นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เริ่มด้วยการลดของมัน ของทอด แอลกอฮอล์ และหันมาเพิ่มปริมาณของผัก ผลไม้ ปลา การออกกำลังกาย การนอนหลับที่มีคุณภาพ (การนอนหลับที่มีคุณภาพ คือ การเข้านอนก่อนเที่ยงคืน หลับครบ 8 ชั่วโมง และขณะที่หลับไม่มีความคิดหรือฝันไปรบกวนการนอน)

เพียงปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตก็สามารถถนอมหัวใจของคุณมากยิ่งขึ้น สวัสดีคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลาพริเมี่ยม (Omega 3 DHA Fish Oil Primium)

สวัสดีคะ ^/\^ โพสต์ที่แล้วได้เล่าสู่กันฟังของ โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา มินิ 500 มิลลิกรัม ครั้งนี้มาบอกเล่าน้ำมันปลาสูตรที่ 3 กันคะ ซึ่งโดดเด่นในการต้านสารอนุมูลอิสระ, มะเร็ง, บำรุงผิวพรรณคะ

โอเมก้า3 ดีเอชเอ น้ำมันปลาพริเมี่ยม มีส่วนผสมดังเช่นโอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัมรวมกับส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติสองชนิดได้แก่ สารสกัดเชิงซ้อนไลโคปีนจากน้ำมะเขือเทศและแอสตาแซนธินจากสาหร่าย จึงทำให้โอเมก้า3 ดีเอชเอ น้ำมันปลาพริเมี่ยมมีคุณสมบัติเด่นในการต้านสารอนุมูลอิสระ

โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม
โอเมก้า3 ดีเอชเอ น้ำมันปลาพริเมี่ยม

จากรายงานการทดลองพบว่าสามารถป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ลำไส้ ตับ ต่อมลูกหมาก และเต้านม เป็นต้น ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ก่อนเวลาอันควรได้ถึงระดับ DNA (Aging Process) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้คุณดูดีจากภายในสุ่ภายนอกและป้องกันการถูกทำร้ายของผิวจากรังสี UV

เพิ่มเติม | สั่งซื้อ

ในเดือนพฤษภาคมนี้มีโปรโมชั่นสั่งซื้อน้ำมันปลาพริเมี่ยม 2 ขวดแถม 1 ขวด สวัสดีคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไลโคปีน (Lycopene) กับลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

สวัสดีคะ ^/\^ มะเร็งจัดเป็นโรคที่น่ากลัวอันดับต้นๆ ในบรรดาปัญหาสุขภาพ หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังสงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง มีความเสี่ยงเริ่มเป็นหรือเป็นมะเร็งแล้วอาจเกิดความกังวลต่างๆ นานา ควรพยายามทำใจให้เป็นปกติ มีสติที่จะดูแลตัวเองและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอ เพราะปัจจุบันโรคมะเร็งสามารถรักษาให้หายได้

อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง คืออาหารประเภทข้าว แป้งที่ไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา สันในไก่ อกไก่ และผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอ เพราะเส้นใยมีประโยชน์ในการไปจับสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) แล้วขับออกทางปัสสาวะ ที่สำคัญคือควรดื่มน้ำมากๆ

ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือเนื้อแปรรูป เช่น หมูบด เนื้อสะโพก ไส้กรอง และโดยเฉพาะอาหารที่ผ่านน้ำมันทอดซ้ำที่เป็นแหล่งของอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็ง จากการวิจัยพบว่าวิตามินหลากหลายชนิดในผักและผลไม้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้ผลป้องกัน และจับอนุมูอิสระที่เป็นสาเหตุของมะเร็งได้ดี

โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลาพริเมี่ยม

ทำความรู้จักกับสารไลโคปีน (Lycopene)

ไลโคปีน จัดเป็นสารในกลุ่มของแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ที่พบกระจายอยู่ทั่วไปในร่างกาย แต่เนื่องจากร่างกายมนุษญ์ไม่สามารถสังเคราะห์แคโรทีนอยด์ขึ้นเองได จึงจำเป็นต้องได้รับจากการบริโภค ส่วนใหญ่แล้วไลโคปีนที่เรารับประทานกัน (55%) ได้มาจากผลของมะเขือเทศรวมทั้งผลิตภัณฑ์จากมะเขื่อเทศ และยังพบได้จากผลไม้อื่นๆ หลายชนิด ได้แก่ แตงโม ฝรั่ง มะละกอ และพืชพวกส้ม

จากการศึกษาถึงประสิทธิภาพในการต้านมะเร็งของสารไลโคปีนอยู่หลายงาน ยกตัวอย่างเช่น
  • การรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนสูงสามารถเพิ่มปริมาณไลโคปีนในเลือด และส่งผลลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไป
  • ไลโคปีนอาจมีส่วนสำคัญในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก โดยจะลดการเกิดเนื้องอกและยับยั้งการพัฒนา วงจรชีวิตของเซซล์ในช่วงต้นของการเกิดเซลล์มะเร็ง (ระยะG1) และไลโคปีนอาจช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
  • การรับประทานมะเขือเทศในอัตราสูงจะช่วยลดอัตราการเป็นโรคมะร็งต่อมลูกหมากทุกประเภทได้ถึง 35% และลดความรุนแรงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก 53%
  • สารสกัดจากมะเขือเทศที่ประกอบด้วยไลโคปีน 30 มิลลิกรัมต่อวันจะช่วยลดการเจริญเติบโตของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในคนไขภายหลังจากการรักษาโรคมาแล้ว 3 สัปดาห์
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพให้แข็งแรงไม่มองข้ามอาการหวัดเล็กๆ น้อยๆ นะคะ สวัสดีคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา มินิ 500 มก. (Fish oil mini)

สวัสดีคะ ^/\^

โพสต์ครั้งที่แล้วได้กล่าวถึงส่วนประกอบหลักของน้ำมันปลาไปแล้ว ซึ่งถือว่าน้ำมันปลาทุกสูตรมีส่วนประกอบหลักเช่นเดียวกับ โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม ส่วนโพสต์นี้จะกล่าวถึง โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา มินิ 500 มิลลิกรัม ทำไมต้องเป็น 500 มิลลิกรัม? มาหาคำตอบด้วยกันคะ

โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม
โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา มินิ 500 มิลลิกรัม

โอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา มินิ 500 มิลลิกรัม มีส่วนผสมดังเช่นโอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัม ทุกกระการ เพียงมีขนาดแคปซูลที่เล็กเหมาะสำหรับเด็กหรือผู้ที่เริ่มรับประทาน ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยบำรุงสมองและจอประสาทตา โดยเฉพาะวัยเด็กซึ่งกำลังมีพัฒนาการทางด้านระบบประสาท

คลิปVDO ด้านล่างเป็นการติดตามโครงการซึ่งเวลาผ่านไป 6 เดือนที่ Xtend-Life ร่วมกับอาสาสมัครจากมูลนิธิออทิสติกไทยรับน้ำมันปลากลับไปทานแล้วเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในเดือนที่ 3-4

ซึ่งโดยปกติแล้วผู้เป็นออทิสติกจะได้รับการรักษาโดยทานน้ำมันปลาอยู่แล้ว แต่ทำไมผู้รับการรักษาทั่วไปทานน้ำมันปลามาเป็นปีๆ แล้วอาการไม่ดีขึ้นเลย ดิฉันอยากจะฝากว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่ท่านทานนั้นมีคุณภาพหรือไม่ ดิฉันเชื่อเมื่อท่านได้ชมคลิปVDO นี้แล้วสามารถไขข้อข้องใจได้คะ

โปรดติดตามน้ำมันปลาสูตรที่ 3 ได้ในโพสต์ต่อไปคะ ^/\^

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

เพื่อพัฒนาการของเด็กตั้งแต่ในครรภ์ (OMEGA3)

สวัสดีคะ ^/\^ เพื่อการพัฒนาการของเด็กควรเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงอายุ 4 ปี หากรอให้โตกว่านี้อาจจะเพิ่มศักยภาพให้เด็กกับเด็กไม่เพียงพอคะ
  • สำหรับเด็กเล็กควรให้ได้ดื่มนมเป็นประจำเช้าและเย็น โดยเฉพาะนมแม่ นมจะไปช่วยให้ร่างกายเด็กเจริญเติบโตเร็วขึ้นเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
  • อาหาร 5 หมู่ ที่อาจจะยังต้องทำให้เป็นชิ้นเล็กๆ นิ่มเพื่อให้เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย สามารถฝึกให้น้องๆ กินผักที่รวมกันหลากสีสันเพื่อให้ดูน่าทาน ทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและช่วยระบบขับถ่ายที่ดี
  • ไม่ควรให้เด็กกินขนมหวานมากเกินไป เพราะจะทำให้กินข้าวได้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารน้อยลงตามไปด้วย และที่สำคัญอาจทำให้เด็กติดของหวานจนเกิดภาวะโรคอ้วนได้
  • อาหารเสริมสำเร็จรูปทีีต้องผสมน้ำต้มสุก่อนรับประทานควรเลือกที่ทำมาจากธัญพืช เช่น ข้าวโอ้ต ข้าวสาลี แล้วเติมวิตามินต่างๆ ลงไป ถ้าเป็นชนิดที่ไม่ผสมผักหรือเนื้อสัตว์สำเร็จรูปก็ควรเพื่อมอาหารสดผสมไปด้วย และระวังอย่าให้มีส่วนผสมของน้ำตาลมากเกินไปเพราะจะทำให้เด็กติดรสเหวาน
  • การดูแลทางจิตใจมีความสำคัญไม่แพ้กัน ส่งเสริมศักยภาพของเด็กด้วยการชื่นชมและให้การสนับสนุน การสัมผัสและกอดเป็นการแสดงความรักที่ดีที่สุด ไม่สร้างเงื่อนไข ความคาดหวัดมากเกินไปเพราะอาจทำให้เด็กมีปมปัญหา
นอกจากนี้การเสริมอาหารด้วย OMEGA3 ในเด็กจะช่วยให้พัฒนาการของเด็กวัยนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น OMEGA3 คือ กรดไขมันจำเป็นซึ่งร่างกายสร้างเองไม่ได้ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น มีมากในปลาทะเล กรดไขมัน OMEGA3 ที่สำคัญ 2 ชนิดเป็นส่วนประกอบโครงสร้างของเซลล์ต่างๆ และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
  • การเสริม DHA ในคุณแม่ตั้งครรภ์ เพิ่มทักษะการเคลื่อนไหว สมาธิและการจดจำในเด็กแรกเกิ เพราะ DHA คือ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเซลล์สมองและจอประสาทตา
  • เด็กที่เสริมอาหารด้วย DHA ก่อน 4 ขวบ ส่งผลต่อ IQ ที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่เซลล์สมองแตกแขนง
  • คุณแม่ที่เสริมอาหารด้วย OMEGA3 จะมีการถ่ายทอดภูมิคุ้มกันสู่เด็กผ่านทางน้ำนม ลดโรคภูมิแพ้ในเด็ก
  • รักษาหอบหืด ลดการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุทางเดินหายใจ และลดการตอบสนองทางภูมิแพ้
  • ช่วยลดภูมิแพ้ตามฤดูกาล ลดการอักเสบเยื่อบุโพรงจมุก ซึ่งเป็นที่มาของโรคไซนัส อาการน้ำมูกไหล ไอ และจาม
สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา OMEGA3 Xtendlife นั้น บริษัทได้เล็งเห็นถึงประสิทธิภาพของกรดไขมัน OMEGA3 โดยเฉพาะ DHA ว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็กในด้านการพัฒนาสมองและระบบประสาทได้ดี จึงได้จัดทำโครงการ WE BELIEVE ซึ่ง Xtend Life ดีใจที่ได้มอง OMEGA3 MINI ให้กับน้องๆ ออทิสติกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 1 ปี และภูมิใจที่ได้รับมอบโล่รางวัล Autistic Thai Award ประจำปี 2555 จากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ เพื่อเป็นเกียรจิแด่ ธุรกิจที่สร้างสรรค์สังคม ลองมาฟังเสียงผลตอบรับจากผู้ปกครองของน้องๆ กันคะ สวัสดีคะ ^/\^



ดู VDO โครงการ WE BELIEVE คลิกที่นี่

ที่มาข้อมูล
  • http://4u2.lovelifelivelonger.com
  • "โอเมก้า 3-6-9 ไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย" สำนักโภชนาการ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข http://nutrition.anamai.moph.go.th

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อน้ำมันปลา (Fish Oil)

สวัสดีคะ ^/\^ ดิฉันมีข้อแนะนำในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาเพื่อความคุ้มค่า สะอาด และปลอดภัยมาฝากคะ


ทำมาจากปลาอะไร?
ผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่ดีควรบอกว่าทำมาจากปลาอะไร ปลากี่ชนิด โดยระบุชื่อและจำนวนชนิดปลาอย่างเปิดเผย

ปลามาจากน่านน้ำที่ไหน?
กล้าบอกแหล่งน้ำที่นำปลามาผลิตซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผลิตภัณฑ์มี ความสะอาด ปราศจากสารตกค้างหรือไม่ เพราะหากเป็นแหล่งน้ำที่มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่แล่นผ่านจะมีการทิ้งร่ิองรอยของน้ำมันไว้ เช่นเดียวกับเวลาเราไปเที่ยวทะเลแล้วมีเรือสปีดโบ็ทจอดอยู่เราจะเห็นคราบ น้ำมันลอยแลดูสกปรกไม่น่าเล่นน้ำ แล้วถ้าเราต้องทานปลาจากแหล่งน้ำดังกล่าวคงเป็นผลร้ายมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน

ระบุส่วนผสมชัดเจนหรือไม่? การระบุส่วนผสมว่านอกจากน้ำมันปลายังมีส่วนผสมอย่างอื่นอีกหรือไม่  และที่สำคัญกล้าบอกว่ามีระดับของ DHA เท่าไร มิใช่บอกเพียงว่า "สูง" เท่านั้น

         

น้ำมันปลาของเอ็กเท็นไลฟ์มี 4 สูตรด้วยกัน ซึ่งล้วนมีรายละเอียดหลักที่เหมือนกันในโอเมก้า 3 ดีเอชเอ น้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัมดังต่อไปนี้

ผลิตจากการรวมเอาปลา 2 ชนิดคือ ปลาโอกิซึ่งเป็นปลาพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์และปลาทูน่าผลลัพธ์ที่ได้คือประสิทธิภาพของการต้านอาการอักเสบที่มากขึ้นถึงสองเท่า และระดับของ DHA ที่สูงกว่าน้ำมันปลาทั่วไปถึง 280 มก. อีกทั้งวิตามินอีจากธรรมชาติที่ได้นั้นยังเพิ่มการต้านอนุมูลอิสระ

ส่วนผสมของสารสกัดโรสแมรี่ช่วยเพิ่มคุณค่าและรักษาความสด สะอาด อีกทั้งมีสรรพคุณช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินของเบต้าเซลล์ในตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เนื่องจากผลิตภัณฑ์โอเมก้า 3 สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกที่อยู่แถบมหาสมุทรตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งไม่มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ผ่านจึงจัดเป็นแหล่งน้ำที่บริสุทธิ์แห่งหนึ่งของโลกโอกาสพบการแพ้หรือผลข้างเคียงใดๆ จึงน้อยมาก อย่างไรก็ตามผู้ที่แพ้อาหารทะเลบางชนิดอาจเกิดอาการแพ้ได้ หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้รับประทานวันเว้นวัน หรือลดปริมาณการรับประทานลงและสังเกตอาการ หากไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการับประทานตามที่แนะนำ

ส่วนน้ำมันปลาในสูตรอื่นๆ ดิฉันจะทะยอยนำมาโพสต์ในลำดับต่อไปคะ สวัสดีคะ ^/\^