โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
เกิดจากความผิดปกติในขั้นตอนการสร้างอวัยวะตั้งแต่ทารกยังอยู่ในครรภ์
มีสาเหตุได้หลากหลาย เช่น การติดเชื้อไวรัสในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เช่น
หัดเยอรมัน หรืออาจเกิดจากการที่มารดาได้รับยาสารเสพติด หรือสารเคมีขณะตั้งครรภ์
นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นได้กับทารกที่มีความผิดปกติของโครโมเซม เช่น กลุ่มอาการดาวน์
ส่วนมากอาจสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์
แต่มักไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าทารกในครรภ์เป็นโรคหัวใจจนกว่าเด็กจะคลอกออกมา
เนื่องจากการตรวจอัลตราซาวน์ยังไม่สามารถเข้าถึงหญิงตั้งครรภ์บางกลุ่ม
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดสามารถแบ่งได้เป็น
2 กลุ่มคือ
1. ชนิดเขียว
หรือมีออกซิเจนในเลือดต่ำ เกิดจากความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด
หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง โดยความผิดปกตินั้นๆ
ทำให้มีเลือดดำปนกับเลือดแดงที่ไปเลี้ยงร่างกาย
(ปกติแล้วเลือดดำจะไม่ปะปนกับเลือดแดง) ทำให้เด็กอยู่ในภาวะขาดออกซิเจน
ผิวหนังจึงมีสีออกเขียวๆ ม่วงๆ ซึ่งจะเห็นชัดเจนขณะที่ร้องหรือดูดนม
กลุ่มนี้มีความผิดปกติได้หลายแบบ และอาการค่อนข้างรุนแรง
การเจริญเติบโตของเด็กกลุ่มนี้จะน้อยกว่าปกติมาก
เพราะเลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายมีระดับออกซิเจนต่ำกว่าปกติ
2. ชนิดไม่เขียว
หมายถึงผู้ที่มีความผิดปกติในโครงสร้างของระบบหลอดเลือดและหัวใจ
หรืออย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด
โดยไม่มีการผสมกันของเลือดดำและเลือดแดง กรณีเช่นนี้ไม่ทำให้เกิดอาการเขียว
โดยความผิดปกติที่พบอาจเกิดที่ผนังกั้นหัวใจมีรูลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท (รั่ว) หรือเปิดไม่กว้างเท่าปกติ
(ตีบ) หรือหลอดเลือดตีบเกินปกติ เป็นต้น
อาการแสดงของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียวแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
ไม่มีอาการผิดปกติ
ตรวจพบแต่เสียงหัวใจผิดปกติโดยบังเอิญ ได้แก่ เสียงฟู่ของหัวใจ
อาการหัวใจวาย
จากการที่หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น อาจเกิดจากปริมาณเลือดเกิน
หรือความดันในห้องหัวใจเพิ่มสูงผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจทำงานลดลง
หรืออาจพบจากทั้งสองสาเหตุร่วมกัน อาการที่พบได้แก่ เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลัง
ในเด็กเล็กมักดูดนมได้ครั้งละน้อยๆ หยุดพักบ่อย หายใจเร็ว น้ำหนักขึ้นช้า
และตัวเล็กกว่าปกติ เป็นต้น
เป็นลมหมดสติ
ส่วนใหญ่อาการนี้พบในรายที่มีอากรตีบแคบอย่างรุนแรงของหลอดเลือดแดงในส่วนลิ้นหัวใจที่ไปเลี้ยงร่างกาย
ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายและสมองได้ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาออกกำลังกาย
การวินิจฉัยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
ต้องอาศัยประวัติและอาการที่แสดงเป็นหลักร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เช่น ภาพถ่ายรังสีทรวงอกและหัวใจ การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้องความถี่สูง
การตรวจสวนหัวใจ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น
การตรวจดังกล่าวจะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและสามารถให้การรักษาต่อไปได้
การรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
(ชนิดไม่เขียว)
รักษาด้วยยา
เป็นไปเพื่อการประคับประคองอาการก่อน
ใช้ในผู้ป่วยที่หัวใจมีความผิดปกติไม่มากและอาจมีโอกาสหายได้เอง เช่น
ภาวะผนังหัวใจห้องล่างรั่ว
หรือในร่ายที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดก็ยังคงต้องได้รับยาเพื่อควบคุมอาการ
รวมไปถึงการรับยาเพื่อรักษาภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ปอดบวม เป็นต้น
การสวนหัวใจ
รักษาโดยการใส่อุปกรณ์ผ่านการสวนหัวใจได้ เช่น
ภาวะผนังกั้นหัวใจห้องบนหรือห้องล่างรั่ว
ภาวะเส้นเลือดที่เชื่อมเส้นเลือดหัวใจไม่ปิด
ในผู้ป่วยที่มีอาการตีบของลิ้นหัวใจหรือเล้นเลือดก็อาจทำการบอลลูนเพื่อขยายลิ้นหัวใจและเส้นเลือดได้
การผ่าตัด ทำในรายที่เป็นมากรักษาด้วยยาไม่ได้ผล
หรือทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของหัวใจ ผลของการผ่าตัดส่วนใหญ่มักได้ผลดี
แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของการผ่าตัดยังขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติของหัวใจ รวมทั้งสภาวะร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนด้วย
ขอบขอบคุณ
๐ ศ.นพ.กฤตยวิกรม ดุรงค์พิศิษฏ์กุล.
(2556, 7 เมษายน). โทรโข่งสุจภาพ: ทำความรู้จัก ‘หัวใจพิการแต่กำเนิด. กายใจ กรุงเทพธุรกิจ, หน้า 10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น