หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิจัยชี้ สาวนักเที่ยวกลางคืนจะมีผมหงอกขึ้นไว

สวัสดีค่ะ ^^ ผมหงอกเมื่อเกิดขึ้น ณ ตอนอายุที่ยังไม่สมควร ก็ไม่มีใครพึงประสงค์ โพสต์ครั้งนี้มีผลวิจัยที่มาแถลงว่าการเที่ยวกลางคืนทำให้ผมของคุณเปลี่ยนสีเร็วขึ้น

     ผมหงอก เชื่อว่าเป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่อยากจะพบเจอและไม่อยากให้มันมาอยู่บนศีรษะของคุณ เพราะผมหงอกเป็นสิ่งที่แสดงถึงความแก่ ยิ่งถ้าสาว ๆ คนไหนที่ยังคิดว่าไม่ถึงวัยที่ผมหงอกควรจะขึ้น แต่กลับมีมาให้เห็น คุณก็จะเริ่มเซ็งและคิดมากกลัวว่าจะแก่เกินวัย ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องดูแลเส้นผมให้ดีอยู่เสมอนะคะ เพราะล่าสุดมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า ผมของผู้หญิงอังกฤษจะเริ่มหงอกตั...้งแต่อายุขึ้นเลข 3 ยิ่งสาวนักปาร์ตี้ จะยิ่งขึ้นเร็วกว่านั้นอีก

     วันที่ 6 กันยายน 2014 เว็บไซต์เดลี่เมลเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับผลวิจัยของผลิตภัณฑ์สำหรับผมยี่ห้อหนึ่ง ที่พบว่า สาวอังกฤษจะเริ่มมีผมหงอกตั้งแต่อายุ 33 ปีเป็นต้นไป ซึ่งผู้หญิงที่มีผมแดงจะเริ่มมีผมหงอกขึ้นตั้งแต่อายุ 30 ปี ส่วนสาวผมสีบรูเน็ตหรือสีน้ำตาลเข้มจะเริ่มมีผมหงอกตอนอายุ 32 ปี และสาวผมบลอนด์จะเริ่มมีผมหงอกอายุ 35 ปี

     ทั้งนี้การที่ผู้หญิงอังกฤษเริ่มมีผมหงอกเร็ว ทำให้พวกเธอตกอยู่ในอารมณ์เศร้าและบอบช้ำทางจิตใจ โดย 1 ใน 3 หรือ 33 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงอังกฤษ จะรู้สึกว่าตัวเองแก่ในทันที อีก 13 เปอร์เซ็นต์ จะรู้สึกเขินอายที่มีผมหงอก และ 1 ใน 5 ของผู้หญิงอังกฤษจะรู้สึกช็อคและหัวเสีย เมื่อเห็นผมงอกเส้นแรกอยู่บนศีรษะของตัวเอง ซึ่งพวกเธอก็คิดจะย้อมเพื่อปกปิดผมหงอกไปเรื่อย ๆ จนถึงวันตาย แต่ถึงอย่างนั้นผลวิจัยก็ยังชี้ว่า เฉลี่ยแล้วผู้หญิงอังกฤษจะเลิกปกปิดผมหงอกเมื่อตอนอายุ 68 ปีอยู่ดี

     แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีกบางส่วนที่เห็นว่าผมหงอกเป็นสัญลักษณ์ของความเฉลียวฉลาดและแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ ซึ่ง 1 ใน 9 ของผู้หญิงอังกฤษยินดีที่จะมีผมหงอกและไม่คิดจะปกปิดมันเลย

     นอกจากนี้ผลวิจัยจากผลิตภัณฑ์สำหรับผมยี่ห้อหนึ่งยังเผยว่า ผู้หญิงที่เที่ยวกลางคืนบ่อย ผมจะหงอกเร็วมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้เที่ยว โดยจะผมจะหงอกในช่วงอายุ 27 ปี ในขณะเดียวกันผู้ที่ทำงานกลางคืน อย่างพวกคอลเซ็นเตอร์จะเริ่มมีผมหงอกในช่วงอายุ 30 กว่า ๆ เลยทีเดียว

     รู้แบบนี้แล้ว สาว ๆ คนไหนที่กลัวผมจะหงอกเร็วเหมือนสาวอังกฤษ ก็ควรดูแลบำรุงสุขภาพร่างกายและสุขภาพเส้นผมของคุณให้ดีเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นผมหงอกคงได้มาทักทายคุณก่อนถึงเวลาอันควรเป็นแน่ แล้วบอกได้เลยว่า หากคุณจะแก้ปัญหาปิดผมหงอกด้วยการย้อมผมทับ วิธีนี้ยิ่งจะทำให้ผมหงอกขึ้นนะคะ ทางที่ดีรีบดูแลเส้นผมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่าเนอะ


ผลวิจัยนี้บอกได้คำเดียว "ทราบแล้วเปลี่ยน" สวัสดีค่ะ ^^

ขอขอบคุณ

  • เว็ปไซต์กระปุก

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Upside Down (2013)

เรื่องย่อ:
     อดัม (จิม สเตอร์เกส) ชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่อาศัยอยู่ในโลกที่ไม่ธรรมดา สิ่งยึดเหนี่ยวสิ่งเดียวในชีวิตของอดัม คือหญิงสาวซึ่งเป็นรักแรกพบเมื่อวัยเด็ก
     อีฟ (เคิร์สเท่น ดันส์) เธอมาจากโลกที่อยู่ตรงข้ามกับโลกของเขาเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าในที่ที่แรงดึงดูดอาจจะดูไร้ซึ่งความหมาย โลกที่อยู่ไม่ไกลแต่ก็เกินเอื้อมถึง ความรักของพวกเขากลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้บนโลกแสนประหลาดนี้ แล้วพลังแห่งความรักจะสามารถทลายกฎทุกๆ อย่างแม้แต่กฎของจักรวาลได้หรือไม่

ความคิดเห็น:
     ให้คะแนนที่เป็นหนังจินตนาการที่เมื่อโลกไม่ได้มีระนาบเดียว เมื่อคุณเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นอีกโลกหนึ่ง แต่เนื้อเรื่องยังอ่อนไป หากหนังมีพล็อตมากกว่านี้น่าจะมันส์ได้อีก

Product Details:
  • Genres: Science Fiction, Fantasy, Drama, Romance
  • Director: Juan Solanas
  • Starring: Jim Sturgess, Kirsten Dunst
  • Supporting actors: Timothy Spall, Blu Mankuma, Nicholas Rose, James Kidnie, Vlasta Vrana, Kate Trotter, Holly O'Brien, Elliott Larson, Maurane Arcand, Janine Theriault, Vincent Messina, Cole K. Mickenzie, Paul Ahmarani, Carolyn Guillet, Pablo Verón, Don Jordan, Edward Langham, Holden Wong
  • Studio: Millennium Entertainment
  • MPAA rating: PG-13 (Parental Guidance Suggested)

Editorial Reviews:
     In an alternate universe where twinned worlds have opposite gravities,- a young man battles interplanetary prejudice and the laws of physics in his quest to reunite with the long-lost girl of his dreams in this visually stunning romantic adventure that poses the question: what if love was stronger than gravity?

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

‘มะเขือเทศ’ ผลไม้ของทุกเพศ-ทุกวัย

สวัสดีค่ะ ^/\^ หลายคนทราบดีว่า “มะเขือเทศ” เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะ “สารไลโคปีน” ที่ทำหน้าที่ปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย และป้องกันโรคร้ายต่างๆ

     “แววตา เอกชาวนา” นักโภชนาการบำบัดและผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ อธิบายว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) จัดเป็นสารประกอบที่พบมากในผลไม้สีแดง ได้แก่ มะเขือเทศสุก เกรปฟรุต แตงโม มะละกอ ส้ม ฝรั่งสีชมพู (ยกเว้นสตรอเบอร์รี่และเชอร์รี่) และโดยเฉพาะในฟักข้าวมีไลโคปีนสูงมาก
     “คุณสมบัติของไลโคปีนคือจะแตกตัวออกมาจากเนื้อเยื่อได้ดีเมื่อผ่านความร้อน ดังนั้นไลโคปีนในมะเขือเทศจึงเป็นที่นิยมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น เพราะสามารถนำไปปรุงอาหารเพื่อรับประทานและทำให้ร่างกายของเราได้รับไลโคปีนอย่างเพียงพอในแต่ละวันได้”

กระแสการดื่มน้ำมะเขือเทศ
     ปัจจุบันคนรักสุขภาพจำนวนมากหันมาให้ความสนใจเรื่องการดื่มน้ำมะเขือเทศ อาจารย์แววตาแนะนำว่าการดื่มน้ำมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น มีให้เลือก 2 แบบ คือ ดื่มก่อนอาหาร (ท้องว่าง) โดยหยดน้ำมันลงในน้ำมะเขือเทศเพื่อช่วยในการดูดซึมของร่างกาย และดื่มหลังอาหาร เช่น เรากินก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวผัด ในอาหารเหล่านี้จะมีน้ำมันอยู่แล้ว ก็สามารถดื่มน้ำมะเขือเทศตามได้ทันที โดยไขมันในอาหารที่กินเข้าไปจะช่วยในการดูดซึมไลโคปีนได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
     นอกจากนี้น้ำมะเขือเทศยังให้พลังงานต่ำ น้ำตาลน้อย ดื่มแล้วไม่อ้วน ผู้ป่วยเบาหวานจึงสามารถรับประทานได้

ป่วย “โรคไต” ไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศ
     แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ในมะเขือเทศมีสารโพแทสเซียมสูงมาก สำหรับคนที่เป็นโรคไตและผู้ที่มีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงก็ต้องหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง อย่างคนปกติควรดื่มน้ำมะเขือเทศแค่ 2 แก้วหรือ 2 กล่องต่อวัน ร่างกายจะสามารถขับโปแตสเซียมออกหมด สำหรับการเลือกดื่มน้ำมะเขือเทศแบบกล่อง ให้ระวังการเพิ่มโซเดียม จึงควรเลือกที่มีปริมาณโซเดียมต่ำเพราะในมะเขือเทศเองก็มีโซเดียมจากธรรมชาติอยู่แล้ว หากเรากินเค็มมากไปจะทำให้ติดและทำให้เราไปกินอาหารอื่นๆ รสเค็มด้วย ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้

กินมะเขือเทศอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
     นักโภชนาการแนะนำว่า สำหรับ ผู้หญิง ให้กินมะเขือเทศแบบสดเพราะมีไวตามินซี และใยอาหาร ที่จะช่วยทำให้ผิวพรรณดี เต่งตึง ส่วนผู้ชายนั้น ให้เน้นแบบสุก เพราะช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ดังนั้นถ้าครอบครัวไหนมีลูกผู้ชาย ก็สามารถฝึกให้เด็กกินมะเขือเทศตั้งแต่เล็กๆ เพื่อเป็นการปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้กับเขา
     นอกจากนี้การกินมะเขือเทศสด (ผ่านความร้อน) ดีกว่าการกินน้ำมะเขือเทศ เพราะเราจะได้ทั้งใยอาหารและสารอาหารอื่นมากขึ้นด้วย

แนะมือใหม่ฝึกกิน “มะเขือเทศ”
     สำหรับคนที่ไม่ชอบกินมะเขือเทศ มีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยฝึกให้เริ่มกินได้ โดยการทำน้ำมะเขือเทศด้วยตัวเอง เริ่มต้นจากการนำมะเขือเทศมาผ่านความร้อน ด้วยการจุ่มน้ำร้อน ประมาณ 20 - 30 วินาที แล้วลอกเปลือกออก จากนั้นนำไปปั่นใส่น้ำแข็งหรือโยเกิร์ตตามความชอบ หรืออาจจะผสมน้ำส้มสด น้ำมะนาว น้ำผลไม้อื่นๆ หรือน้ำผึ้งนิดหน่อยให้มีรสเปรี้ยว รสหวาน เข้ามาผสม ก็จะทำให้กินง่ายขึ้น
     “ส่วนเด็กๆ นั้น ต้องฝึกกันหน่อย  เพราะเด็กส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบกินผักจะต่อต้าน และทำให้ติดนิสัยมาจนโต ดังนั้นมีวิธีแก้ง่ายๆ คือ นำเอาเมล็ดมะเขือเทศออกก่อน แล้วทำอาหารอะไรก็ได้ที่เด็กชอบ สำคัญที่สุดเลย พ่อแม่ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกนะคะ ในการรับประทานอาหารทุกครั้ง อย่าเขี่ยผักออกให้ลูกเห็นเด็ดขาด เพราะถ้าพ่อแม่ไม่กินผัก ลูกก็จะไม่อยากกินผักแน่นอน ดังนั้นเรารู้ดีว่าผักมีประโยชน์ การที่เราปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยให้เขาได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จริงๆ ไปจนโต”

อย่างไรก็ตาม ไลโคปีนก็เหมือนสารอาหารชนิดอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณจำกัดและเพียงพอต่อวัน ถ้าเรากินมากเกินไปร่างกายก็จะขับออกมาถือว่าไม่มีประโยชน์ และอีกอย่างไลโคปีนนั้นไม่ใช่ยารักษาโรค เราต้องกินอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จึงจะมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแท้จริง เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินแบบผสมผสานกัน ร่างกายของเราก็จะได้รับสารอาหารอย่างสมดุล สวัสดีค่ะ ^/\^

ขอขอบคุณ
  • เรื่องโดย ภาวิณี เทพคำราม Team Content www.thaihealth.or.th